Thursday, January 27, 2011

คนเค๊านินทา เพราะว่าเค๊าคิดถึง

เคยหรือไม่ที่เรามารู้ที่หลังมาโดนนินทาโน่น นินทานี่ แล้วเราก็เก็บเอามาคิด เอามาใส่ใจ
จริงแล้วการที่เราโดนนินทา หรือถูกนินทาโน่น นี่ นั่น ก็คิดสะว่าทำบุญ สงเคราะห์ได้พวกคนปากเปราะก็แล้วกัน เพราะถ้าเค๊าได้พูดถึงเราแล้ว เค๊าสบายใจ เค๊ามีความสุข ก็ถือสะว่าเราได้ทำบุญให้กับเพื่อนร่วมโลกก็แล้วกัน เพราะเค๊าอัดอั้นตันใจ ไม่กล้าพูดอะไรตรงกับเรา ก็เลยแอบเอาไปพูดข้างหลัง

ถ้าจะมองในแง่ดี ก็คิดสะว่าเค๊าคงคิดถึงเรา ไม่งั้นเค๊าคงไม่พูดถึงเรา อะนะ

ทุกวันนี้ พี่ J เหนื่อย และปล่อยวางแล้วหละ ได้เห็น ได้ยิน รับรู้ แล้วก็ปล่อยวางฮะ ไม่เก็บเอามาใส่ใจ แก่แล้ว เริ่มปล่อยวาง จิตใจก็ได้เป็นสุข จะเอิ็ก จะเอิ็ก อยู่กันอีกไม่นาน ก็คงจะตายจากกันไป

ความสุขที่ไม่จำเป็นต้องซื้อมาด้วยเงินทอง

ช่วงที่พี่ J เขียน blog อยู่ช่วงนี้ เป็นช่วงที่มาพักผ่อนที่เมืองไทย มาเพื่อที่ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ แม่ และญาติและทุกคนที่เคยเลี้ยงดูเรามา และมาคราวนี้ก็ได้มีโอกาส ไปต่างจังหวัด ไปให้ในหมู่บ้าน ที่สมัยหนึ่ง เราก็เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ถึงแม้ว่าจะเคยไปอยู่ไม่นาน มาคราวนี้ได้มีโอกาสไปไหว้ผู้สูงอายุหลายๆคน

อยู่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็เลยต้องแวะที่โน่นที ที่นี่ที บินกันให้ทั่วเมืองไทยไปเลย
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็มีความสุขเหลือเกิน ความสุขที่ได้กลับมาใช้วิชีตเดิมๆ เหมือนตอนเป็นเด็ก แค่นั่งอยู่ที่บ้านกับคุณย่า ก็มีความสุขเหลือล้นแล้ว ไม่ต้องการออกไปเที่ยวที่อื่น ไม่ต้องการออกไปเที่ยวภูเขา เที่ยวดูโน่นดูนี่ เพราะเคยเที่ยวมามากพอแล้ว ทำอะไรในชีวิตมามากพอแล้ว เดินทาง เที่ยวที่โน่น เที่ยวที่นี่มามากพอแล้ว มันหยุดแล้ว มันหมดแล้วกับความอยาก

อยู่ที่บ้านได้ทานข้าวทุกมื้อกับที่บ้านก็มีความสุขเหลือล้น คงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ มันเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้ ผู้รู้ก็คงรู้ได้เฉพาะตน ที่มีความสุขก็เพราะว่า ที่บ้านรอนานเหลือเกิน 3-4 ปี กว่าจะได้ทานข้าวด้วยกันแบบนี้ เพื่อนๆที่โทรนัดกินข้าวก็ของดไปหมดเลย แตกต่างจากสมัยเด็กๆมากเลย :)

ความสุขเนี๊ยะมันไม่จำเป็นที่ต้องออกไปกินข้าว สวนเสเฮฮากับเพื่อน หรือออกไปตะลุย shopping ละลายทรัพย์เหมือนสมัยก่อนเลยนะ จริงๆแล้วความสุขมันอยู่ใกล้ๆแค่เอื้อมนี่เอง