Tuesday, December 25, 2012

ความสุขบั้นปลาย

เคยคิดบ้างมั๊ยว่า คนเราหนะ ไม่แก่เกินที่จะฝัน
มีหลายๆคนที่ต้องเก็บความฝันของตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะสถานการณ์หลายๆอย่างในชีวิต ที่ทำให้เค๊าต้อง detour ความฝันของตัวเอง

พี่ J ว่า การที่คนเรามีความฝัน มี goal in life มันทำให้ชีวิตเรามีค่า ไม่ใช่แค่เกิดมา แล้วก็ตายไปโดยเปล่าประโยชน์

พี่ J รู้จักผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่สนิท ถึงแม้อายุจะห่างไกลกัน เค๊าคนนั้นอายุตอนนี้ก็น่าจะ 51 เป็นคนยาย มีหลายเล็กๆด้วย เค๊าส่งเสียลูกๆเค๊าจนจบมหาวิทยาลัยทุกคน ลูกทั้ง 3 คน ลูกทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดี บางคนที่เรียนต่อโท แต่เรียนด้วยเงินของเค๊าเอง เรียนโท มันก็ควรเรียนด้วยตัวเองหนะนะ จะมาขอเงินพ่อแม่มันก็กระไรอยู่ โดยเฉพาะเป็น ฝรั่งออสซี่ ด้วยแล้ว หมดสิทธิ์ ครับ

เอ้า เข้าเรื่องเราต่อ เพื่อนพี่ J ตอนนี้ ก็เหมือนว่าเค๊าได้ทำหน้าที่ของแม่ที่ดีแล้ว ตอนนี้เค๊าก็กำลังจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ทำอะไรที่ตัวเองใฝ่ฝันอยากจะทำบ้าง เห็นเค๊าบอกว่า เค๊าจะเลิกเป็นอาจารย์สอน มาหางานทำก๊อกๆแก๊กๆ แค่ part-time หาเงินพอเลี้ยงตัวเองก็พอ เพราะไม่มีภาระไม่ต้องดูแลลูกๆแล้วหนิ เค๊าก็กะจะลงเรียนอะไร part-time ไปด้วย เรียนในสิ่งที่เค๊าสนใจ ทำในสิ่งที่เค๊าอยากจะทำ คนเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตามหาฝันตอนอายุ 51 ยังไม่สาย นี่แหละ spirit ของความเป็นคน

เห็นเค๊าบอกว่าเค๊าสนใจเรื่องปรัชญาชีวิต เรื่องศาสนา เราก็ดีใจด้วยที่เค๊ากำลังตามหาฝัน ตามหาความสุขของตัวเอง ทำในสิ่งที่เค๊าอยากจะทำ ทำเพื่อลูกๆ ทำเพื่อครอบครัวมาก็พอแล้ว ถึงเวลาแล้วสินะ ที่เค๊าจะทำอะไรเพื่อตัวเค๊าเองบ้าง

ในขณะเดียวกัน พี่ J ก็รู้จักผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่ง เค๊าเป็นแม่ของเพื่อนพี่ J เอง เค๊าเรียนไม่สูง จบแค่ high school ทำงาน office ส่งเสียลูกๆทุกคนจนจบมหาลัย ลูกๆมีงานทำกันหมด อยู่มาวันหนึ่งเค๊าก็บอกลูกๆว่า แม่จะไปเรียนมหาลัยนะ จะไปเรียน Education เพื่อที่จะออกมาเป็นครูสอนเด็กประถม ลูกๆก็สนับสนุนแม่เค๊าเต็มที่ เพราะว่าแม่เค๊าได้ทำหน้าที่ของเค๊าแล้วหนิ นี่ก็เป็นตัวเอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่คนเรา เค๊าทำตามความฝันของตัวเอง ทำในสิ่งที่เค๊าอยากจะทำ ถึงแม้ว่าเค๊าต้องรอกว่าครึ่งชีวิต มันก็ยังไม่สายเกินไป

เราหละ ทำอะไรตามที่เราฝันอยากจะทำหรือเปล่า
ถามใจตัวเองว่า ตอนเนี๊ยะสิ่งที่เราทำหนะ เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำมั๊ย เป็นสิ่งที่เราชอบมั๊ย หรือว่าเป็นสิ่งที่เราทำเผื่อหาเลี้ยงชีพ ดูแลครอบครัว ดูแลครอบครัวแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะ ชีวิตเรา เราเลือกได้ เราเลือกที่จะตามหาฝันเราได้ ไม่มีใครแก่เกินที่จะฝัน

ขอให้ทุกคนมีความสุขในบั้นปลายของชีวิตนะครับ

J

Friday, December 7, 2012

ให้ ไม่ยึดถือ ไม่ยึดติด ละวาง

เคยมองไปรอบๆตัวเรา รอบบ้านเราบ้างมั๊ย
เคยสังเกตุหรือเปล่าว่าทำไมเราถึงมีสิ่งของ นั่น นี่ โน่น มากมาย 
ทุกสิ่งอย่างเป็นของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้สั่งอย่าง
ของยิ่งเยอะ ปัญหายิ่งมาก ย้ายบ้านที ก็วุ่นวาย
เก็บเอาไว้เราก็ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว คนเราเนี๊ยะ ชอบยึดติดกันจริงๆ

2-3 เดือนที่ผ่านมา พี่ J ลอง "ให้" ทุกวันเสาร์ คือ ทุกวันเสาร์เนี๊ยะ พี่ J ก็เริ่มมองๆหาหละ ว่าของอะไรในบ้าน ของอะไรของเราที่ปกติเราก็ค่อยได้ใช้แล้ว แต่ถ้าให้คนอื่น มันคงจะเป็นประโยชน์มากกว่าอยู่กับเรา 

เสื้อผ้าบางตัว ก็เอาไปบริจาคที่ศูนย์รับบริจาคใกล้ๆบ้าน
ของเล่นลูกๆ พี่ J ถามเด็กๆก่อนว่ายังจะเล่นอยู่มั๊ย ถ้าไม่เล่น เราก็เอาไปวางไว้หน้าบ้าน คนเดินผ่านไปมา เค๊าก็เอาไปใช้ต่อเอง
หนังสือที่ชอบเก็บสะสมเหลือเกิน เก็บมานานหลายปี เก็บไว้ก็อยู่แค่บน bookshelf สู้แจกๆคนอื่นให้เค๊าได้อ่านกันมั่งก็ดี ก็มีหนังสืออ่านเล่นภาษาไทยเยอะพอสมควร พี่ J ก็ทยอยส่งไปให้หลานๆ เด็กๆที่เมืองไทยอ่านกัน ถ้าจะถามว่าคุ้มค่าส่งมั๊ย มันก็ไม่คุ้มหรอก แต่มันเป็นความสุขทางใจ ที่รู้ว่าหนังสือเหล่านี้ ของเหล่านี้ ยังมีประโยชน์สำหรับคนอื่น เราเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้แล้วหละ ยิ่งเราให้มาก บ้านเราก็ดูสบายตาไปเยอะ

textbooks บางเล่ม ก็ฝากไปให้อาจารย์ที่มหาลัย เผื่ออาจารย์จะได้ใช้ เป็นประโยชน์ต่อไป

พี่ J ไม่ได้แบบว่าทุ่มเทกับการให้ หรือบริตจาคนะ ไม่ได้แบบว่า ขนของมา ตูม บริจาค อะไรแบบนี้ ไม่ใช่ 

มันเป็น continuous activity ที่ทำไปเรื่อยๆ วันเสาร์ว่างๆ ก็เก็บโน่น เก็บนี่ ให้ไปอาทิตย์ละชิ้น 2 ชิ้น ทำไปเรื่อยๆ คิดว่าคนที่เค๊าได้รับก็คงมีความสุข 

จะทิ้งก็เสียดายของ เก็บเอาไว้ ก็เยอะเกิน
ถือมาก ยึดติดมาก ก็หนัก
ปล่อยวาง ลด ละ เลิก ก็เบา

Saturday, December 1, 2012

อยู่นิ่งๆ ไม่มีอะไรทำ เป็นอย่างนี้นี่เอง

โดยปกติแล้ว พี่ J ต้องมีอะไรทำ นั่น นี่ โน่น ตลอด
โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ปกติก็ต้องไปทำงานที่ร้านอยู่แล้ว เผอิญว่าช่วงนี้เด็กสอบเสร็จกัน เราก็เลยปล่อยให้เด็กๆทำกัน เราก็เลยได้อยู่บ้านบ้าง อะไรบ้าง ก็ดีไปอีกแบบ เพราะเนี๊ยะ ก็ไม่ได้เข้ามาเขียน blog นานแล้ว

TV เหรอ ก็ไม่มีอะไรน่าดู DVD ก็ดูหมดแล้ว ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ และก็พยายาม imagine ว่า เออ ควรทั่วๆไปที่เค๊าทำงาน จันทร์-ศุกร์ แล้วเสาร์-อาทิตย์ เค๊าทำอะไรกัน เพราะรายการ TV ที่ออสเตรเลีย เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก

จริงๆ พี่ J ก็กะจะอ่านหนังสือนะ แต่เนี๊ยะก็อ่านมาหลายวันแล้ว อยากพักสมองบ้าง

เออ การที่ไม่มีอะไรทำ มันแบบนี้นี่เอง งั้นขอมีอะไรทำเรื่อยๆ แต่ไม่วุ่นวายมาก ก็แล้วกัน