Wednesday, December 31, 2014

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า วันสุดท้ายของปี คนก็จะ forward นั่น นี่ โน่น ให้พรกันอย่างโน้นอย่างนี้ เต็มไปทั่ว social media, ไม่ว่าจะเป็น facebook หรือ LINE ที่กำลังระบาดกันในหมู่คนเอเชีย เราเองก็ได้รับ forward จากคนนั้น คนนี้ ก็จะเห็น pattern ว่า มันเป็น forward อันเดียวกัน forward กันไป forward กันมา sameๆ เดิมๆ เพราะไม่ได้เขียนเอง
เราก็อยากจะเตือนสติทุกๆคนว่า คิดอยากจะเริ่มต้นอะไรที่ดีๆใหม่ๆ วันขึ้นปีใหม่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะจำวันที่ได้ง่าย คือวันที่ 1 มกราคม จะวันขึ้นปีใหม่หรือจะวันส่งท้ายปีเก่า ล้วนแล้วแต่เป็นวันที่เราสมมุติขึ้นทั้งนั้น จริงๆแล้วทุกๆวันก็เหมือนกัน

คิดหวังปราถนาสิ่งใดในสิ่งที่ชอบธรรม ก็ขอให้ลงมือทำเอง ไขว่ขว้าเอง ถ้าจะนั่งรอขอพรนั่น นี่ โน่น ก็คงต้องนั่งรอต่อไป จุ๊ จุ๊ จุ๊

Sunday, October 19, 2014

follow your heart

มีเพื่อนพี่ J หลายๆคนที่เรียน computer science มาด้วยกัน และก็เพื่อนๆที่เคยทำงานร่วมกันมา หลายๆคนตอนนี้ได้เดินทางไปคนละสายงานกับ IT (Information Technology) หลายๆคนได้ follow their heart แยกย้านและหันไปทำอย่างอื่นกัน

เพื่อนที่เคยทำงานบริษัทด้วยกันคนหนึ่ง จันทร์-ศุกร์ she ก็ทำงาน IT ที่ office ตามปกติ แต่ทุกเสาร์เค๊าก็ไปเรียนเต้นรำ และก็บอกว่าเนี๊ยะ เป็น long term commitment, 10 years plan. 10 กว่าปีผ่านไปเหมือนในฝัน ตอนนี้ she ก็ได้ลาออกจากงานมาเปิด dancing studio ของเธอเอง ทำกับสิ่งที่เธอรัก ทำธุรกิจของเธอเอง อยู่กับสิ่งที่ she รัก she ชอบ

เพื่อนอีกคนก็อยู่ในสายงาน IT เหมือนกัน แต่คนนี้ไม่เคยทำงานบริษ้ทเดียวกัน ตอนนี้ก็ออกมาเป็น realestate agent ทำงานเอง ทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ไม่ต้องไปรายงานตัว เข้าออก office ทุกวัันเหมือนทำงานบริษัท เฉลี่ยแล้วได้เงินเท่าๆกันกับเงินเดือนตอนทำงาน IT แต่ออกมาเป็น realestate agent เค๊าก็กะเวลาทำงานของเค๊าได้ own time own target ไม่ต้องไปรายงานตัวกับใคน อันนี้ก็เป็นความสุขไปอีกแบบ

อีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นผู้จัดการตำแหน่งสูง แต่เค๊าก็ออกมา retire เพราะเค๊า invest เงินในตลาดหลักทรัพย์เยอะ และก็ได้ invest ซื้อพวกตึก apartment ให้คนเช่า ซึ่งทุกๆเดือนก็มีเงินเข้ามาอยู่แล้ว เค๊าก็เลยออกมา retire และก็ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไปเรื่อย

คนเราทำอะไรในสิ่งที่ชอบ และชอบอะไรในสิ่งทำที่ ดีนะ

Saturday, October 18, 2014

Unsung heroes

Unsung heroes คือพวกที่ทำความดี โดยไม่ได้หวังผลตอบแทน พวกเค๊าเหล่านั้นคือพวกติดทองหลังพระ เมื่อวานพี่ J ได้มีโอกาสไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่นี่ เนื่องด้วยเราเป็นคนที่นี่ เราก็ใช้ medicare ได้ สรุปคือผ่าตัดฟรี ฟรีแต่ก็จ่ายแล้วในรูปของภาษี
ไปถึงโรงพยาบาล พวก nurses ก็เข้ามาดูแลทันที จดข้อมูลคนไข้ นั่น นี่ โน่น เสร็จแล้ว ก็มี nurse มาลากเตียงคนไข้ เตรีมเข้าห้องผ่าตัด เสร็จแล้ว ก็มีอีก nurse มาทำโน่น ทำนี่ เจาะเลือด เจาะมือ เสร็จแล้วคุณหมอของเราก็ออกมาหาเรา say hello แล้วเตรียมพร้อมกับการผ่าตัด หมอบอกผ่าตัดแค่ 10-15 นาทีเอง
พอเราเข้าไปที่ operation theatre หรือห้องผ่าตัด เราก็เจอหมอผู้ช่วยอีก 2 คน เจอพยาบาลอีกหลายคน แต่ละคนทำโน่น ทำนี่ เอาโน่น เอานี่เอาโน่นมาแปะเรา คงวัดอัตราการเต้นของหัวใจและคอยดูการเต้นของหัวใจตอนเราโดนยาสลบมัํง
คือพยาบาลและหมอเยอะไปหมด มา take care เราคนเดียว แล้วผ่าตัดก็แค่ 10-15 นาทีเองนะ ไม่ได้นานอะไรเลย
พอผ่าตัดเสร็จ เราก็นอนรอฟื้นจากยาสลบ หมอก็แวะมาหา พยาบาลก็แวะมาเช็ค หมออีกคนหนึ่งก็เป็นลูกชายของคนที่เรารู้จัก เค๊าก็แวะเข้ามาคุย ทุกอย่างดูดีไปหมดเลย
หมอและพยาบาลทำงานบริการ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็นความดีของพวกเค๊าเหล่านั้น โดยเฉพาะคนฝรั่งออสซี่ที่นี่ บ่นเหลือเกิน complain เหรอเกิน มาโรงพยาบาลที่นี่ ไม่ดีอย่างนี้ ไม่ดีอย่างโน้น มาใช้ของเค๊าฟรีแล้ว ยังมาบ่นอีก ลองไปอยู่ประเทศอื่น ประเทาศที่ด้อยพัฒนากว่านี้มั่งแล้วมึงจะรู้สีก
สิ่งที่เราทำได้ก็คือ พูดคุยถามไถ่ nurse ว่าเค๊าเป็นใครมาจากใหน เพราะมี nurse คนหนึ่งเป็นนักเรียนพยาบาล มาฝึกงาน เราก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าให้สู้ๆ เพราะ she ก็ไม่ใช่เด็กๆนักเรียนพยาบาลทั่วๆไป ดู she ก็มีอายุ เป็นพวก mature-age student ซึ่งก็ใช่จริงๆด้วย เพราะ she เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ดูแลลูกไปด้วย ชีวิตต้องสู้อีกแล้วครับท่าน
ทั้งนี้และทั้งนั้นก็อยากจะขอบคุณหมอ และพยาบาลทั่วทั้งโลกเลยว่า คุณเป็น "unsung heroes" ตัวจริง

Monday, October 13, 2014

เหนื่อยนะกับการที่ต้องวิ่งตามหาฝัน

คนเรามีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป มีฝันที่แตกต่างกันออกไป การที่คนเรามีความฝัน มีจุดเป้าหมายของชีวิตเป็นสิ่งที่ดี มันทำให้ชีวิตคนเรามีค่า มีรสชาติดี มันทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้ปล่อยวันเวลาให้เปล่าประโยชน์ไปวันๆ แต่บางทีการที่เราวิ่งตามหาฝันเนี๊ยะ มันก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันนะ ไม่ใช่เล่นเชีย
คนเราต่อให้อึดสักแค่ใหน ก็มีเหนื่อยบ้าง เซ็งบ้าง ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง เหนื่อย เซ็ง แต่ไม่ท้อ เหนื่อยก็หยุดพัก

เหนื่อยมันทำให้เรารู้ว่า เราก็คนเป็นมนุษย์ทั่วๆไป ไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนอะไรมาจากใหน เหนื่อยมันทำให้เรารู้ว่า เรานะไม่ได้ดีเด่น ไม่ได้ดีเลิศประเสริจศรีเกินกว่าใคร และมันก็ทำให้เรารู้ว่า humble กับการใช้ชีวิตหนะ ดีที่สุด ไม่เปลืองตัว ไม่เปลืองใจ

ณ วันนี้ เราเป็นอะไรมิทราบ สงสัยท่าจะวิ่งตามหาฝันมากไปหน่อย ไม่ว่าจะเรื่องทำงาน เรื่องทำธุรกิจ และก็เรื่องการเรียน คืนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจ ขอหยุด ขอ break ขอแหกกฏก็แล้วกัน

งั้นวันนี้เราจะพัก เราจะขอหยุดอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไร ปลดปล่อยและปล่อยวาง ไม่วิ่งตามฝัน ปล่อยวางได้ ไม่วิ่งตามฝัน (สัก 1 วันเอง) มันก็สดชื่น และมีกำลังใจและกำลังกายได้แฮะ
แต่ทำปล่อยๆไม่ดีนะ มันจะทำให้เราเฉื่อยชา และเป็นคนไร้คุณภาพ พวกขยะสังคม
งั้นไปหละ ขอตัวไม่วิ่งตามฝัน 1 วัน

Monday, September 29, 2014

Lame generation

Lame generation คือ generation ไร้สาระ โดยเฉพาะพวกที่วันๆไม่ทำงานทำการอะไร
วันๆเอาแต่ update status ตัวเอง หรือ upload รูปลง facebook, twitter, instagram หรือพวก online social media ทั่วๆป

จะทำอะไร จะกิน จะขี้ จะเยี่ยว ก็ต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ไปหมด
ไปทำผมใหม่มา จะทาเล็บสีใหม่ ผัวเมียจะเอากัน ก็ต้องลง status บอกให้ชาวโลกรู้
เออ คนเรานี่ก็แปลก เป็นกันมากจริงๆ น่าจะเอาเวลาไปทำอะไรที่มันประโยชน์มากกว่านี้นะ

จริงๆแล้ว social media มีเอาไว้ให้เราติดต่อกับเพื่อนๆ กับคนในครอบครัว เพื่อคนที่อยู่ห่างไกลจะได้รู้ข่าวสารของเรา มันไม่ได้หมายความว่ามีอะไรก็บอก ก็ต้องป่าวประกาศให้คนรู้ไปหมดสะทุกอย่าง

จะกินข้าวกันแต่ละที ถ่ายรูปลง facebook กันอยู่นั่นแหละ อะไรของเค๊าเนี๊ยะ lame จริงๆ ขอบอก ไม่รู้ว่ามากินข้าว หรือมาถ่ายรูปอาหาร

ผัวเมีย นั่งกินข้าวด้วยกัน ยังไม่วายที่จะเล่น facebook กัน เออ เอากันเข้าไป อะไรกันนักกันหนา สรุปว่ามาด้วยกันหรือเปล่ามิทราบ

แล้วพวกพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกๆ เด็กๆมี social media account นี่ก็เหมือนกัน อยากจะรู้นักว่าเค๊าคิดยังไงกัน ที่ปล่อยให้ลูกๆเล่น facebook เล่น instagram น่าจะให้ลูกๆเอาเวลาไปเรียน ไปทำการบ้านดีกว่านะ หรือไม่แน่ พ่อแม่พวกนี้อาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ เพราะสมองมีน้อย งั้นถ้าลูกโง่ ก็ต้องโทษพ่อแม่

หลายๆคนยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการบอกว่า โอ๊ย เด็กสมัยนี้เป็นแบบนี้แหละ เด็ก Gen Y เป็นแบบนี้แหละ อ้าวก็เพราะว่าพวกเรายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นง่ายๆเกินไปหรือเปล่า เราถึงได้เห็นเด็กตอนนี้กลายเป็น generation lame กันไปหมดแล้ว วันๆไม่ทำอะไรเลย เสียไปเวลาไปกับสิ่งไร้สาระพวกนี้ ไอ้พวก social media ไร้สาระ

เฮ้อ เห็นแล้วก็สลดใจ

Saturday, September 27, 2014

ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว

โบราณกล่าวว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว ถ้าเรามานั่งนึกนั่งทบทวนดู มันก็เออ จริงนะ
เพราะช่วงนี้ เรา school holidays เราก็เลยได้มีเวลาพักผ่อน นั่งดู DVD ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆไปมั่ง
ไม่ได้วิ่งหน้า วิ่งหลัง ทำโน่น ทำนี่ busy เหมือนช่วงเวลาทำงานทั่วๆไป เราก็ได้มีเวลาอยู่บ้าน relax กับเค๊าบ้าง

ช่วงนี้ก็เลยได้ดูพวก drama series ซึ่งปกติเราก็ไม่ค่อยมีเวลาดูตาม TV ตามเวลาทั่วๆไปเท่าไหร่ เพราะเวลาไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่

drama series ดีๆมีเยอะ โดยเฉพาะ drama series จาก US มันจะไม่น้ำเน่าเหมือน drama series ของ Australia หรือ ของไทย ถ้าเป็นเกาหลีหละ ยิ่งเน่าไปใหญ่เลย

จริงๆแล้ว พวก drama series พวกนี้ก็มาจากจินตนาการของ writer หรือผู้เขียนบท ซึ่งบางทีผู้เขียนบทเองก็เอา inspiration มาจากชีวิตจริงบ้าง มาจากประสบการณ์บ้าง มันก็เลยสื่อเข้ากับโลกของความเป็นจริงของคนดูได้ด้วย บางทีเราก็ได้ข้อคิด การวางตัว หรือการคาดหวัง expectation ว่า ถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะ handle situation หรือจะจัดการกับสถานการณ์ตรงนั้นอย่างไร อะไรทำนองนี้ จริงๆเราก็ได้แง่คิดอะไรต่างๆจาก drama series พวกนี้ได้ด้วย

คนเราก็ต้องหัดดูหนังดูละครให้เป็น ไม่ใช่เพื่อเป็นการบันเทิงอย่างเดียว drama series มันก็สามารถเกิดประโยชน์ ถ้าเราฉลาดพอที่จะนำมาประยุกต์เพื่อใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเราเอง

next time ถ้าเราดูหนังดูละครอะไร ก็แนะนำให้ย้อนกลับมาดูที่ตัวเราด้วยว่า เราสามารถนำข้อมูลหรือแง่คิดอะไรดีๆจากหนัง จากละครพวกเหล่านี้ได้บ้างหรือเปล่า

Tuesday, September 23, 2014

หน่อมแน๊มเกินวัย

มีหลายคนพูดว่า คนเราไม่แก่เกินที่จะรัก เออ อันนี้เรื่องจริงเห็นด้วย
ความสุข ความรัก เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่มีค่าที่เราไม่ต้องไปซื้อหรือแสวงหามาด้วยเงินทอง

แล้วรักต่างวัยหละผิดมั๊ย เออ ไม่ผิดนะ คนเรารักกันได้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สำคัญ
แต่การแสดงออกถึงความรักหนะสิ ต้องแล้วแต่กาลเทศะ

ถ้าคุณลูง 60 แสดงออกถึงความรักต่อคูณป้า 60 อายุเท่าๆกัน มันก็ดูน่ารัก น่าเอ็นดู ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อะไรประมาณนั้น
หรือถ้าคนหนุ่มสาว แสดงออกถึงความรักต่อกัน ก็เออนะ รักแรกรุ่น ข้าวใหม่ปลามัน อะไรประมาณนั้น ไม่ว่ากัน
หรือถ้าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงวัยกลางคน แสดงออกถึงความรักต่อกัน มันก็แสดงถึงความรัก และ commitment ที่เค๊ามีต่อกัน ที่เค๊าผ่านทุกข์ สุกดิบ มาด้วยกัน อ้นนี้ก็น่ายกย่องและสรรเสริญ

แต่ แต่ แต่ ถ้าคุณลูง/คุณปู่ อายุประมาณ 60 แสดงออกถึงความรักต่อน้องหนูอายุ 29-30 หละ
อันนั้นเค๊าเรียกว่า หน่อมแน๊มเกินวัย

ไม่ผิดที่คนเราจะรักกัน
ไม่ผิดที่คนเราเพิ่งจะมาเจอกันตอนนี้
ไม่ผิดที่คนเราผ่านชีวิตแต่งงานที่บัดซบมา
ไม่ผิดที่คนเราจะแสดงออกถึงความรักต่อกัน
ไม่ผิดที่คุณลูง/คุณปู่ จะออกอาการหน่อมแน๊มเกินวัย

แต่ แต่ ครับ แต่ อยากให้ คุณลูง/คุณปู่ หน่อมแน๊ม กัน 2 ต่อ 2 กันภายในบ้านก็แล้วกัน
สถานที่สาธารณะ หรือ public place เห็นแล้ว เราก็วิ่งหากระโถนไม่ทัน

Thursday, September 4, 2014

ชีวิตฝรั่งคนแก่แสนเศร้า

ช่วงนี้พีจอห์นได้มีเวลาว่างไปเรียนเต้นรำแก้เซ็ง คือเราก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศมั่ง
ไม่ใช่ทำแต่งานและงาน หรือเรียนและเรียน ก็เลยอยากไปทำอะไรแปลกๆมั่ง

ไปเรียนเต้นรำก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่จำเจอยู่กับสิ่งเก่าๆเดิมๆ
ไปเรียนเต้นรำเราก็รู้จักคนใหม่ๆด้วย พี่จอห์นก็ได้ไปรู้จักคุณลุงแก่ๆคนหนึ่งด้วย
แกก็เล่าชีวิตแกให้ฟังว่า แกก็มาเรียนเต้นรำเพราะอยากหาอะไรทำ แก่แล้วอยู่คนเดียว เพราะเมียก็ตายจากไปแล้ว ลูกๆก็โตไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว แกก็ไล่ให้ฟังว่าลูกแต่ละคนอายุเท่าไหร่ เออลูกๆแกก็อายุไล่เลี่ยกับเราเลยนี่หว่า

เราก็เลยถามว่าลูกๆแกทำงานที่ใหนมั่ง อ้าว ปรากฏว่าลูกๆแกก็ทำงานและก็อยู่แถวๆนี้นี่เอง ไม่ไกลกัน ขับรถไม่น่าเกิน 20 นาที แต่คุณลูงก็บอกว่าลูกๆแก busy และก็ทำอะไรกับครอบครัวของเค๊า ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแก เราก็เลยบอกไปว่า เอ๊า you ก็เป็น family member เหมือนกันนะ ไม่ใช่คนอื่น ก็น่าจะทำกิจกรรมอะไรด้วยกันได้ทุก weekend นะ แกก็บอกว่าลูกๆเค๊าไปมีครอบครัวของเค๊าหมดแล้ว ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแกแล้วหละ

เราก็ได้แต่หดหู่ และก็สงสารว่า เอ๊ะ อะไรกัน ลูกๆอยู่ใกล้ๆแค่นี่ เค๊าไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลยเหรอ ทิ้งพ่อแก่ๆอยู่คนเดียว ก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้าเออ แบบว่าทำงานอยู่ไกลก็ว่าไปอย่าง ถ้าเป็นเรานะ เราจะมาหาทุก weekend เลย เอาหลานๆมาเล่นด้วย อยู่กันเป็น family

อย่างนี้แหละน๊า culture ฝรั่ง ซึ่งก็เป็นอะไรที่เราไม่เห็นด้วยจริงๆ เห็นแล้วก็น่าหดหู่

Monday, June 30, 2014

ฝรั่งไม่ได้รวยไปสะทุกคน

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คนไทยเราเนี๊ยะชอบติดภาพเดิมๆว่าฝรั่งต้องรวย

แหม ลองมาอยู่เมืองนอกเองสิ ถึงจะรู้ว่า เปล่าเลย ฝรั่งไม่ได้รวยอะไรมากมายเลย เพียงแต่ค่าเงินเค๊าแข็งกว่าเงินบาทไทยก็เท่านั้นเอง

ลองนึกเอาสิว่า ถ้าฝรั่งที่นี่เรียนจบแค่ ม.4 (เพราะเค๊าบังคับเรียนแค่ ม.4) อยู่ที่ออสเตรเลียนะ ถ้าจบ ม.4 ก็แทบจะหางานอะไรไม่ได้แล้วหละ ก็ต้องไปเป็นกรรมกรรับจ้างทั่วไป แล้วคิดเหรอว่าจะมีตังค์

ดังนั้นน้องหนูทั้งหลายที่มัวแต่จะจ้องหาผัวฝรั่ง ถามเค๊าหน่อยก็ดีนะว่าเค๊าเรียนจบอะไรมา ทำงานอะไร ไม่ใช่เห็นผมทองๆ ตาฟ้า ก็ถ่างขาไว้รอเลย ไม่ใช่

ที่พี่ J ให้คำแนะนำเนี๊ยะก็เพราะว่าพี่ J เป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย บอกได้เลยว่า เด็กๆถ้าไม่ตั้งใจเรียน เค๊าก็ไปทำมาหากินอะไรไม่ได้ สู้กับคนที่มีความรู้ความสามารถไม่ได้ สุดท้ายตกงาน หรือเป็น unskilled worker สุดท้ายก็ต้องมาเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องมาเลี้ยงดูอีก

ได้พวกที่เป็ฯ unskilled worker คือพวกที่ชอบไปเที่ยวภูเก็ต หรือพัทยาปล่อยๆแหละ คิดเองสิ คนมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ใครเค๊าจะลางานได้ไปเที่ยวเมืองไทย หาผู้หญิงได้ออกบ่อยๆ ได้พวกที่ไปบ่อยๆเนี๊ยะคือไอ้พวกที่ไม่มีงานมีการทำ และที่ไปได้บ่อยๆเนี๊ยะ เพราะค่าตั๋วและค่าไปเที่ยวเมืองไทยหนะไม่แพง มันไม่ได้หมายความว่าเค๊ารวยหรือมีตังค์ นะจ๊ะน้องหนู

Saturday, June 28, 2014

มารยาทในการเข้าประชุม

เมื่อวานพี่ J ได้มีโอกาสไป seminar เกี่ยวกับกฏหมายอิมมิเกรชั่นของประเทศออสเตรเลีย นั่งฟังทั้งวัน ก็ได้สังเกตุเห็นอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะมารยาทของการเข้าประชุมหรือ seminar ของหลายๆคน ก็ขอประมวลเอาง่ายๆดังต่อไปนี้ก็แล้วกัน

  • ปิดมือถือหรือเปิดเป็น silent หน่อยก็ดี ไม่ต้องอวดหรอกว่าเป็น busy person ถ้า busy นัก ทำไมไม่นั่งอยู่ที่ office วะ มา seminar ทำไม
  • ไม่ต้องแย่งกันพูด กันถาม presenter ก็ได้นะ take turn หนะ take turn รู้จักป๊ะ
  • เวลาไปนั่งกินข้าวเที่ยงช่วง break หนะ ใช้ช้อนกลางก็ได้นะ แหมเอาตะเกียบมึงมาหนีบอาหารไป เห็นแล้วก็หายอยากเลยหวะ เซ็ง!!!
  • เวลานั่งโต๊ะกินข้าวกันหลายๆคน หลายเชื้อชาติเนี๊ยะ พูดภาษาอังกฤษกันหน่อยก็ดีนะ คนร่วมโต๊ะก็นั่งหัวโด่เด่อยู่ อยากพูดภาษา xxx มาก ก็กลับไปอยู่ประเทศ xxx เลยไป
common sense หนะ common sense มีป๊ะ

Sunday, April 13, 2014

ชีวิตนั้นมันช่างเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนเอาสะเหลือเกิน

ชีวิตคนเรานั้นมันช่างไม่แน่นอนเอาสะจริงๆ
มันกำหนดอะไรได้ไม่มากเลย คนเราเจอกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้
คนเราเพิ่งพูดคุยกันวันนี้ มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของการพูดคุยของเราก็ได้

ในขณะที่หลายๆคนกำลังสนุกสนานกับการเล่นสงกรานต์ รู้หรือเปล่าว่าบางครอบครัวเค๊ากำลังเสียใจกับการจากไปของใครบางคน

ในขณะที่หลายๆคนกำลังสังสรรค์เทศกาลวันตรุษจีน รู้หรือเปล่าว่าบางครอบครัวเค๊ากำลังเสียใจกับการจากไปของใครบางคน

ชีวิตคนเรานั้นมันไม่เที่ยงอะไรสะจริงๆ
ดังนั้น ไม่ต้องไปอะไรกับมันมากมาย
ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า

Friday, March 21, 2014

สังคมเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย

อาทิตย์นี้ เราได้มีโอกาสมา seminar และก็ training ที่ ซิดนีย์
จากการที่ใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ที่ Wollongong และก็ทำธุรกิจของตัวเอง เราไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาในซิดนีย์มากเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนที่เราเรียนมหาลัย แต่ก่อนเนี๊ยะเข้าซิดนีย์เป็นว่าเล่น

จากชีวิตที่เงียบสงบ ทำงานใน country side แล้วต้องตื่นแต่เช้า ขับรถมาจอดไว้ที่ Sutherlands เมืองใกล้กับ ซิดนีย์ แล้วก็นั่งรถไฟเข้าซิดนีย์

สิ่งที่สังเกตุเห็นคือ
- รถไฟจะแน่นและแออัดหลังจาก 7:30am
- คนบนรถไฟก็จะนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็ tablet ไม่สนใจใคร
- เด็กๆนักเรียนจะนั่งฟังเพลงจากมือถือ หรือไม่ก็เล่นมือถือกันเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 99.99%
- หลายๆคนจะนั่งทำงานใน laptop ซึ่งเรานั่งข้างๆก็แอบมองได้ ความลับของบริษัทรั่วไหลหมดเลยครับ
- ทุกคนเร่งรีบ ไม่ว่าจะไปที่ใหน ดูทุกคนเดิน หรือวิ่งแข่งกับเวลามากเลย เป็นอะไรที่ rat race มากๆ เป็นอะไรที่เราไม่ต้องการ เราไม่ต้องการ life style แบบนั้น

เห็นชีวิตการทำงานของคนในเมือง ที่เร่งรีบ corporate person ทำให้รู้ว่า rat race เนี๊ยะมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ day-in day-out และก็รอเงินเดือนตอนสิ้นเดือน เห็นแล้วมันก็ทำให้เราคิดว่า เออ ปีหน้าเราจะทำอะไรดี หาอะไรทำ จะทำอะไรเป็นของตัวเอง อยากทำอะไรที่สามารถ generate passive income หรือไม่ก็ lifestyle ที่เราสามารถทำงานที่บ้านได้ working from home.

ทำงานสอนมาก็หลายปีแล้ว คงถึงเวลาที่จะ remi-retire แล้วหละ ลดวันทำงานลง เอาเวลามาทำอย่างอื่น
เปิดร้านอาหารมาก็หลายปีแล้วหละ คงถึงเวลาที่ต้อง move on ไปทำอย่างอื่นเหมือนกัน
ทำงาน migration มาก็หลายปีแล้วหละ กำลังไปได้ดี คงต้องหาเวลามาทำเพิ่มตรงนี้
สื่งที่น่าทำที่สุดคือ online business แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี อยากทำอะไร online ไม่ต้องมี office มีแค่ laptop และ Internet ก็ทำงานได้

ถ้าทำทุกอย่างได้อย่างที่คาดหวัง เราก็คงไม่จำเป็นต้องเจอะเจอความวุ่นวายในสังคมเมือง...จุ๊ จุ๊ จุ๊