Monday, September 29, 2014

Lame generation

Lame generation คือ generation ไร้สาระ โดยเฉพาะพวกที่วันๆไม่ทำงานทำการอะไร
วันๆเอาแต่ update status ตัวเอง หรือ upload รูปลง facebook, twitter, instagram หรือพวก online social media ทั่วๆป

จะทำอะไร จะกิน จะขี้ จะเยี่ยว ก็ต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ไปหมด
ไปทำผมใหม่มา จะทาเล็บสีใหม่ ผัวเมียจะเอากัน ก็ต้องลง status บอกให้ชาวโลกรู้
เออ คนเรานี่ก็แปลก เป็นกันมากจริงๆ น่าจะเอาเวลาไปทำอะไรที่มันประโยชน์มากกว่านี้นะ

จริงๆแล้ว social media มีเอาไว้ให้เราติดต่อกับเพื่อนๆ กับคนในครอบครัว เพื่อคนที่อยู่ห่างไกลจะได้รู้ข่าวสารของเรา มันไม่ได้หมายความว่ามีอะไรก็บอก ก็ต้องป่าวประกาศให้คนรู้ไปหมดสะทุกอย่าง

จะกินข้าวกันแต่ละที ถ่ายรูปลง facebook กันอยู่นั่นแหละ อะไรของเค๊าเนี๊ยะ lame จริงๆ ขอบอก ไม่รู้ว่ามากินข้าว หรือมาถ่ายรูปอาหาร

ผัวเมีย นั่งกินข้าวด้วยกัน ยังไม่วายที่จะเล่น facebook กัน เออ เอากันเข้าไป อะไรกันนักกันหนา สรุปว่ามาด้วยกันหรือเปล่ามิทราบ

แล้วพวกพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกๆ เด็กๆมี social media account นี่ก็เหมือนกัน อยากจะรู้นักว่าเค๊าคิดยังไงกัน ที่ปล่อยให้ลูกๆเล่น facebook เล่น instagram น่าจะให้ลูกๆเอาเวลาไปเรียน ไปทำการบ้านดีกว่านะ หรือไม่แน่ พ่อแม่พวกนี้อาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ เพราะสมองมีน้อย งั้นถ้าลูกโง่ ก็ต้องโทษพ่อแม่

หลายๆคนยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการบอกว่า โอ๊ย เด็กสมัยนี้เป็นแบบนี้แหละ เด็ก Gen Y เป็นแบบนี้แหละ อ้าวก็เพราะว่าพวกเรายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นง่ายๆเกินไปหรือเปล่า เราถึงได้เห็นเด็กตอนนี้กลายเป็น generation lame กันไปหมดแล้ว วันๆไม่ทำอะไรเลย เสียไปเวลาไปกับสิ่งไร้สาระพวกนี้ ไอ้พวก social media ไร้สาระ

เฮ้อ เห็นแล้วก็สลดใจ

Saturday, September 27, 2014

ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว

โบราณกล่าวว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว ถ้าเรามานั่งนึกนั่งทบทวนดู มันก็เออ จริงนะ
เพราะช่วงนี้ เรา school holidays เราก็เลยได้มีเวลาพักผ่อน นั่งดู DVD ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆไปมั่ง
ไม่ได้วิ่งหน้า วิ่งหลัง ทำโน่น ทำนี่ busy เหมือนช่วงเวลาทำงานทั่วๆไป เราก็ได้มีเวลาอยู่บ้าน relax กับเค๊าบ้าง

ช่วงนี้ก็เลยได้ดูพวก drama series ซึ่งปกติเราก็ไม่ค่อยมีเวลาดูตาม TV ตามเวลาทั่วๆไปเท่าไหร่ เพราะเวลาไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่

drama series ดีๆมีเยอะ โดยเฉพาะ drama series จาก US มันจะไม่น้ำเน่าเหมือน drama series ของ Australia หรือ ของไทย ถ้าเป็นเกาหลีหละ ยิ่งเน่าไปใหญ่เลย

จริงๆแล้ว พวก drama series พวกนี้ก็มาจากจินตนาการของ writer หรือผู้เขียนบท ซึ่งบางทีผู้เขียนบทเองก็เอา inspiration มาจากชีวิตจริงบ้าง มาจากประสบการณ์บ้าง มันก็เลยสื่อเข้ากับโลกของความเป็นจริงของคนดูได้ด้วย บางทีเราก็ได้ข้อคิด การวางตัว หรือการคาดหวัง expectation ว่า ถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะ handle situation หรือจะจัดการกับสถานการณ์ตรงนั้นอย่างไร อะไรทำนองนี้ จริงๆเราก็ได้แง่คิดอะไรต่างๆจาก drama series พวกนี้ได้ด้วย

คนเราก็ต้องหัดดูหนังดูละครให้เป็น ไม่ใช่เพื่อเป็นการบันเทิงอย่างเดียว drama series มันก็สามารถเกิดประโยชน์ ถ้าเราฉลาดพอที่จะนำมาประยุกต์เพื่อใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเราเอง

next time ถ้าเราดูหนังดูละครอะไร ก็แนะนำให้ย้อนกลับมาดูที่ตัวเราด้วยว่า เราสามารถนำข้อมูลหรือแง่คิดอะไรดีๆจากหนัง จากละครพวกเหล่านี้ได้บ้างหรือเปล่า

Tuesday, September 23, 2014

หน่อมแน๊มเกินวัย

มีหลายคนพูดว่า คนเราไม่แก่เกินที่จะรัก เออ อันนี้เรื่องจริงเห็นด้วย
ความสุข ความรัก เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่มีค่าที่เราไม่ต้องไปซื้อหรือแสวงหามาด้วยเงินทอง

แล้วรักต่างวัยหละผิดมั๊ย เออ ไม่ผิดนะ คนเรารักกันได้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่สำคัญ
แต่การแสดงออกถึงความรักหนะสิ ต้องแล้วแต่กาลเทศะ

ถ้าคุณลูง 60 แสดงออกถึงความรักต่อคูณป้า 60 อายุเท่าๆกัน มันก็ดูน่ารัก น่าเอ็นดู ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อะไรประมาณนั้น
หรือถ้าคนหนุ่มสาว แสดงออกถึงความรักต่อกัน ก็เออนะ รักแรกรุ่น ข้าวใหม่ปลามัน อะไรประมาณนั้น ไม่ว่ากัน
หรือถ้าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงวัยกลางคน แสดงออกถึงความรักต่อกัน มันก็แสดงถึงความรัก และ commitment ที่เค๊ามีต่อกัน ที่เค๊าผ่านทุกข์ สุกดิบ มาด้วยกัน อ้นนี้ก็น่ายกย่องและสรรเสริญ

แต่ แต่ แต่ ถ้าคุณลูง/คุณปู่ อายุประมาณ 60 แสดงออกถึงความรักต่อน้องหนูอายุ 29-30 หละ
อันนั้นเค๊าเรียกว่า หน่อมแน๊มเกินวัย

ไม่ผิดที่คนเราจะรักกัน
ไม่ผิดที่คนเราเพิ่งจะมาเจอกันตอนนี้
ไม่ผิดที่คนเราผ่านชีวิตแต่งงานที่บัดซบมา
ไม่ผิดที่คนเราจะแสดงออกถึงความรักต่อกัน
ไม่ผิดที่คุณลูง/คุณปู่ จะออกอาการหน่อมแน๊มเกินวัย

แต่ แต่ ครับ แต่ อยากให้ คุณลูง/คุณปู่ หน่อมแน๊ม กัน 2 ต่อ 2 กันภายในบ้านก็แล้วกัน
สถานที่สาธารณะ หรือ public place เห็นแล้ว เราก็วิ่งหากระโถนไม่ทัน

Thursday, September 4, 2014

ชีวิตฝรั่งคนแก่แสนเศร้า

ช่วงนี้พีจอห์นได้มีเวลาว่างไปเรียนเต้นรำแก้เซ็ง คือเราก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศมั่ง
ไม่ใช่ทำแต่งานและงาน หรือเรียนและเรียน ก็เลยอยากไปทำอะไรแปลกๆมั่ง

ไปเรียนเต้นรำก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่จำเจอยู่กับสิ่งเก่าๆเดิมๆ
ไปเรียนเต้นรำเราก็รู้จักคนใหม่ๆด้วย พี่จอห์นก็ได้ไปรู้จักคุณลุงแก่ๆคนหนึ่งด้วย
แกก็เล่าชีวิตแกให้ฟังว่า แกก็มาเรียนเต้นรำเพราะอยากหาอะไรทำ แก่แล้วอยู่คนเดียว เพราะเมียก็ตายจากไปแล้ว ลูกๆก็โตไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว แกก็ไล่ให้ฟังว่าลูกแต่ละคนอายุเท่าไหร่ เออลูกๆแกก็อายุไล่เลี่ยกับเราเลยนี่หว่า

เราก็เลยถามว่าลูกๆแกทำงานที่ใหนมั่ง อ้าว ปรากฏว่าลูกๆแกก็ทำงานและก็อยู่แถวๆนี้นี่เอง ไม่ไกลกัน ขับรถไม่น่าเกิน 20 นาที แต่คุณลูงก็บอกว่าลูกๆแก busy และก็ทำอะไรกับครอบครัวของเค๊า ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแก เราก็เลยบอกไปว่า เอ๊า you ก็เป็น family member เหมือนกันนะ ไม่ใช่คนอื่น ก็น่าจะทำกิจกรรมอะไรด้วยกันได้ทุก weekend นะ แกก็บอกว่าลูกๆเค๊าไปมีครอบครัวของเค๊าหมดแล้ว ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแกแล้วหละ

เราก็ได้แต่หดหู่ และก็สงสารว่า เอ๊ะ อะไรกัน ลูกๆอยู่ใกล้ๆแค่นี่ เค๊าไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลยเหรอ ทิ้งพ่อแก่ๆอยู่คนเดียว ก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้าเออ แบบว่าทำงานอยู่ไกลก็ว่าไปอย่าง ถ้าเป็นเรานะ เราจะมาหาทุก weekend เลย เอาหลานๆมาเล่นด้วย อยู่กันเป็น family

อย่างนี้แหละน๊า culture ฝรั่ง ซึ่งก็เป็นอะไรที่เราไม่เห็นด้วยจริงๆ เห็นแล้วก็น่าหดหู่