Monday, April 20, 2015

ถนนข้าวๆ

การได้กลับมาเยือนเมืองไทยในครั้งนี้ก็ได้สังเกตุเห็นอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะวิถีการเล่นสงกรานต์ของคนไทยสมัยนี้ เรามีความรู้สึกว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ

สมัยก่อนเมื่อเรายังละอ่อนอยู่เราก็เล่นสงกรานต์อยู่แค่หน้าบ้านเรา คนส่วนมากก็จะเป็นแบบนั้นคือเล่นสงกรานต์กันอยู่แค่หน้าบ้านตัวเอง อย่างมากก็ขึ้นรถกระบะ แล้วเอาถังน้ำขึ้นรถไปแล้วก็สาดใส่คน แค่นี้ก็สนุกแล้ว

ส่วนพวกโฟนปาร์ตี้อะไรก็จะเฉพาะที่เมืองใหญ่ๆ เมืองแห่งการท่องเที่ยวอย่างเช่น ภูเก็ต กรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ อะไรประมาณนี้ จริงๆก็ไม่รู้หรอกนะว่าเมืองใหนมีพวกโฟมปาร์ตี้อะไรกัน ก็เดาๆเอา แต่ที่แน่ๆคือตอนนั้นต่างจังหวัดไม่มีกัน คือเราก็เล่นกันอยู่แค่รอบๆบ้าน

แต่ตอนนี้รู้สึกว่าแค่เมืองเล็กๆ หรือจังหวัดเล็กๆทั่วๆไปก็มีการปิดถนน จัดงารปาร์ตี้สงกรานต์กัน ก็เข้าใจนะว่าทางจังหวัดก็คงอยากดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจังหวัดหรือเมืองตัวเอง ถ้าจังหวัดหนึ่งทำ อีกจังหวัดหรือหลายๆจังหวัดก็ทำตามกัน เพราะถ้าไม่ทำทางจังหวัดเองก็จะสูญเสียนักท่องเที่ยว สูญเสียรายได้เข้าจังหวัด เข้าอำเภอ

ตอนนี้มันก็เลยกลายเป็นว่า คนทั่วๆไปก็ขับรถเข้าเมืองใหญ่เพื่อมาสาดน้ำเล่นสงกรานต์กัน มันก็ทำให้เมืองเล็กๆ หมู่บ้านทั่วๆไปไม่มีคนเล่นสงกรานต์กันเหมือนสมัยก่อน คนเล่นหนะก็มีอยู่ แต่ก็น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน บรรยากาศเดิมๆมันก็หายไป ดูทุกอย่างเป็นการค้า เป็น commercialize กันไปหมด

เมืองใหญ่ๆดึงดูดคน ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าตัวเมืองกันหมด คนเมืองเล็กๆ คนตามหมู่บ้านก็เลยไม่ค่อยมีกัน ดูๆแล้วมันก็เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก

และอีกสิ่งที่สังเกตุเห็นก็คือ เมืองทุกเมือง จังหวัดทุกจังหวัดก็อยากจะเรียนแบบถนนข้าวสารกัน ตอนนี้มันก็เลยมีพวกถนนข้าวๆอะไรต่างๆตามกันมา ที่เห็นๆปีหนี้แถวถนนภาคอีสารก็มี ถนนข้าวหลาม ถนนข้าวเหนียม ถนนข้าวหอมมะลิ ดูแล้วมันก็เป็นอะไรที่ make up กันขึ้นมา เป็นอะไรที่ artificial และก็ manmade กันมากๆ

เออ มันก็แปลกดีนะ เพราะสมัยก่อนเราไม่เคยได้ยินชื่อถนนพวกนี้ ก็เลยกลายเป็นว่าทุกเมืองต้องมีถนนพวกข้าวๆอะไรกัน ต่อไปถ้ามันหมดชื่ออะไรแล้วก็คงจะมีถนนชื่อแปลก อาทิเช่น ถนนขี้หมา ถนนขี้ไก่ ถนนไข่เป็ด อะไรประมาณนี้


ก็รอกันต่อไปก็แล้วกันว่า อีก 10-20 ปีข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้น

Thursday, April 16, 2015

วิถีชีวิตเดิมๆที่ยังหลงเหลืออยู่ น้อยเต็มที

จากการสังเกตุการณ์วีถีชีวิตของคนไทยสมัย ยอมรับว่าเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ สินค้าอะไรต่อมิอะไรดูแล้วแพงขึ้น สินค้าฟุ่มเฟือยเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด คนมีความรู้ในการบริหารเงินก็น้อยมาก basic finance skills ไม่ค่อยมี เห็นอะไรซื้อแหลกลาน แยกกันไม่ออกว่าสินค้าตัวใหนควรหรือไม่ควรซื้อ แยกกันไม่ออกระหว่าง want & need

แต่ท่ามกลางความทันสมัย ท่ามกลางสังคมไทยที่ตอนนี้เป็น materialistic สะเหลือเกิน มันก็ยังหลงเหลือวิถีชีวิตเดิมๆอยู่คือ ตอนเช้าปาท่องโก๋ตัวละ 1 บาท น้ำเต้าหู้ถุงละ 5 บาท หมูปิ้งไม้ละ 10 บาท (ถ้าได้ไม้ละ 5 บาทจะดีมากเลย)

พอเราเห็นปลาท่องโก๋ ตัวละ 1 บาท น้ำเต้าหู้ถุงละ 5 บาท ปุ๊บเราก็แบบว่าแปลกใจมากเพราะรู้ว่าเป็นอะไรที่หายากเต็มทน ก็ได้แต่แอบนึกและชมเชยและก็แวะมาอุดหนุนทุกวัน ชมเชยในความมุมานะของคนขายที่ขยันทำมาหากินและก็ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค เราขอชมเชยที่คนขายของที่ไม่โลภมาก ยึดถือหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง


แต่ก็นั่นแหละ ของๆถูกๆ วิถีชีวิตเดิมๆแบบนี้ไม่รู้มันจะอยู่ไปได้นานอีกสักเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ถ้ากลับเมืองไทยมาปีหน้าหรือปีถัดๆไปมันจะหลงเหลืออยู่หรือเปล่านะ

Tuesday, April 14, 2015

เด็กไทยสมัยนี้ ทำไมหัวมัน colourful จังเลยนะ


จากการสังเกตุการณ์ของการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ก็ได้เจอในสิ่งที่รับไม่ค่อยได้อย่างหนึ่งคือ เด็กๆตัวเล็กๆเท่าขี้หมาทำไมตอนนี้ย้อมผมกันไปหมดแล้ว
ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นก็ว่าไปอย่างนะ เออ fashionable อันนี้เข้าใจ
แต่นี่เด็กๆประถม หรือบางคนอาจจะอยู่แค่ ป.1 หรือ ป.2 เอง

ไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่เค๊าคิดยังไงกัน ย้อมผมให้ลูก เพราะลูกเด็กสะขนาดนั้น รับรองเค๊าคิดเองไม่เป็นหรอก ดูๆแล้ว คิดว่าพ่อแม่นะเป็นคนส่งเสริม
เห็นแล้วก็ได้แค่สมเภชว่าเออ คิดกันได้แค่นี้น๊อสมอง คือแบบว่าสงสารลูกหนะ

สีผมแต่ละคนเนี๊ยะนะแบบว่า colourful กันมาก คงคิดว่าเท่ห์แล้วสินะ
โอย จะเป็นลม มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมเราสมัยนี้
แบบว่า back to basic อยู่กันแบบง่ายเราไม่มีแล้วใช่มั๊ย

เราก็มองดูแล้วนะ จะว่าเราไม่ fashionable ก็ไม่ใช่นะ เราก็คิดว่าเรายังมีไฟอยู่นิดๆนะแต่ที่เห็นเด็กๆ เห็นชาวบ้านเค๊าทำกับลูกๆกัน เห็นแล้วคิดว่าเป็นมอมเมา และมัวเมาลูกไปในทางที่ผิดนะ หลายๆคนก็ไม่ใช่แค่ทำสีผมธรรมดา ตอนนี้เค๊ากันหลายๆสี เป็นแบบ rainbow เลยก็มี หรือไม่ก็สีเขียว สีอะไรแปลกๆอะไรประมาณเนี๊ยะ โอ๊ยเห็นแล้วก็สงสาร สงสารความคิดและสมองของคนทำ คือเค๊าคงคิดได้แค่นั้นจริงๆ

จริงๆแล้วคุณพ่อคุณแม่น่าจะเอาเวลาไปทำอย่างที่มันมีประโยชน์ ที่มันสร้างสรรค์กว่านี้นะ
เห็นแล้วก็ มันไร้สาระจริงๆ ขอบอก


Saturday, April 11, 2015

วิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป 2

จากการเดินทางกลับเมืองไทยครั้งนี้ สิ่งที่สังเกตุเห็นได้ชัดคือนิสัยของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไป consumer behaviour ของคนไทยตอนนี้คือการจับจ่ายใช้สอย ทุกวันนี้นิดๆหน่อยก็ต้องไป supermarket, ไป Lotus ไป Big C. ร้านค้าเล็กๆทั่วไปสมัยนี้ก็อยู่ลำบาก เพราะร้านสะดวกซื้ออย่าง Lotus และ Big C เข้าไปครอบครองหมดแล้ว ไม่ว่าจะเมืองเล็กเมืองใหญ่ มีกันอยู่แทบทุกมุม

ถ้าจะถามว่าสะดวกใหม เราก็ว่าสะดวกนะ โดยเฉพาะเด็กๆลูกๆเนี๊ยะ จะชอบไปกันเพราะมี aircon กัน โดยเฉพาะอากาศร้อนๆช่วงเมษาช่วงนี้
ตัวเราเอง เราก็ชอบ เพราะสะดวกสบาย แต่นั่นมันก็หมายถึงชีถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนไป
ร้านค้าเล็กๆสมัยนี้ ก็อยู่กันไม่ได้แล้ว ต้องยุบตัวไป เพราะจะสู้ big players อย่างพวก Lotus และ Big C ก็คงไม่ได้

ต่างจังหวัดเองก็เถอะ มี Lotus และ Big C แทบทุกที่ ชาวบ้านเองก็นิยมมาซื้อของที่ Lotus และ Big C อาจเป็นเพราะความโก้หรู ได้มาเดินตากแอร์เย็นๆ
จริงๆแล้ว 10-20 ปีก่อน ซื้อของจากร้านค้าเล็กๆ ไม่มีแอร์ ก็ยังไม่มีใครตายนะ
แต่สมัยนี้ นิสัยผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย ติดนิสัยที่ต้องการความทันสมัย คนบ้านนอกคอกนาเองทุกวันนี้ก็ติดนิสัยความสะดวกสบายกัน


เออ โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


Wednesday, April 8, 2015

วิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป

ช่วงนี้ได้มีโอกาสเดินทางกลับมาเมืองไทย ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนิสัยการเดินทางของคนไทย แปลกและแตกต่างจากการเดินทางเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เนื่องด้วยสมัยนี้ที่เมืองไทยเรามีพวก low cost airlines หรือพวก budget airlines กันมากขึ้น ทำให้การเดินทางไปมาของคนไทยสมัยนี้สะดวกกันมากขึ้น ผู้คนเดินทางโดยเครื่องบินกันมากขึ้น ผิดจากสมัยก่อนเยอะ

สมัยก่อนสายการหลักๆภายในประเทศก็จะมีแค่สายการบิน ไม่มี choice ให้เลือกเหมือนสมัยนี้ และสายการบินไทยเองก็แพงมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถบินได้กันทุกคน นั่นคือเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว

จำได้ว่าสนามบินดอนเมืองเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เวลาเราเดินทางภายในประเทศ คนเดินทางโดยเครื่องบินจะน้อยมาก คนส่วนมากก็จะยังนั่งรถไฟหรือไม่ก็รถทัวร์กัน


แต่สมัยนี้ ดูสิ คนเดินทางต่างจังหวัดก็พากันเดินทางด้วยเครื่องบินกันเยอะมากขึ้น เพราะราคาอะไรก็ไม่ได้แพงมากมายเหมือนสมัยก่อน สังคมสมัยนี้ โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไปจริงๆ  สมัยนี้คนไม่ต้องรวยมากก็บินได้ ไม่มีการแบ่งชนชั้นอะไรกันมากมายเหมือนสมัยก่อน คนที่มีรายได้ทั่วๆไป คน middle class ก็บินกันเยอะแยะ