Wednesday, December 28, 2016

รักตัวเองให้มาก


เกิดมาเป็นคน เราก็ต้องรักตัวเอง
เพราะถ้าหากเราไม่รักตัวเอง แล้วใครล่ะจะรักเรา
ไม่มีใครรักเรา เท่ากับตัวเราเอง
เราต้องเลือกทำในสิ่งที่ชอบ และชอบในสิ่งที่ทำ
ชีวิตถึงจะมีความสุข

หากทำแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ต้องทํา
หากทำแล้ว ไม่มีผลลัพธ์ ก็ไม่ต้องทํา

เพราะนั่นมันคือการสูญเปล่า เสียเวลา

เวลาเป็นสิ่งมีค่า เราเรียกคืนกลับมาไม่ได้
ดังนั้น เราต้องเลือกทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว

มันก็จะเป็นการเบียดเบียนตัวเอง...

Saturday, October 8, 2016

ชีวิตฉันเป็นเช่นดั่งละคร


เคยมั๊ย เคยสงสัยหรือเปล่า ว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้

จริงแล้วชีวิตคนเราหลายๆคน ก็ไม่แตกต่างไปจากละครนะ
ทุกข์ สุข หวานอมเปรี้ยว มีกันทุกรูปแบบ ทุกรสชาติ

แต่ก็ดีออก คนเราจะได้มีประสบการณ์ชีวิต ชีวิตจะได้มีรสชาติ
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วชีวิตเราก็จะจืดชืดไร้รสชาติ

แต่ละครชีวิตที่เป็นของเรา เราเขียนบทเองได้
เราเป็นตัวเอก เราแสดงเองได้
เพราะท้ายที่สุดในชีวิตแล้ว เรานี่แหละจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่า 
"ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องการอะไรในชีวิต"

ชอบแบบใหน อยากได้แบบใหน ก็เขียนเอา
ก็ตัดสินใจเอา

ชีวิตเรา เราไม่ให้ใครมาลิขิต
เราไม่ให้ใครมาบงการชีวิตเรา

เลือกคิด และเลือกทำ ในสิ่งที่ดีที่สุด และชอบธรรม

Thursday, September 29, 2016

ชีวิตที่เรียบง่าย


ช่วงนี้เราอยู่ที่เมืองไทย เราก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับชีวิตที่เรียบง่ายของคนไทย 

ชาวบ้าน ต่างจังหวัด ไร้พิษภัย
ตอนเช้าเอากับข้าวมาถวายพระที่วัดป่า

ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจจริงๆนะ

ชีวิตคนต่างจังหวัด ปราศจากการเสแสร้ง 

การพูด การจา อ่อนหวาน นุ่มนวล ฟังแล้วลื่นหู
topic และเรื่องราวที่พูดคุยกันก็เป็นอะไรที่สบายๆ ไม่มีอะไรที่ซีเรียสหรือต้องเก็บเอามาคิดให้เปลืองสมอง

ชีวิตดูไม่รีบร้อน ไม่ต้องทำอะไรแข่งกับเวลา 
ช่างเป็นอะไรที่น่าอิจฉาจริงๆนะ 

พวกเขาจะรู้หรือเปล่านะ ว่าพวกเขาช่างโชคดีจริงๆ ที่มีชีวิตแบบนี้

สังคมชาวบ้าน มันช่างแตกต่างจากสังคมเมืองโดยสิ้นเชืองนะ
ชีวิตไม่หวูหวา ไม่ฟู่ฟ่า ไม่เวินเวอร์

ถ้าเรามีชีวิตแบบนี้ทุกๆวันได้ ก็คงจะดีสินะ

จริงๆแล้วเราเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้นะ แต่เราไม่จำเป็นต้องละทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อมาใช้ชีวิตแบบนี้ คนเราสามารถ balance ชีวิตการทำงาน และการใช้ชีวิตได้นะ ถ้ารู้จักการบริหารชีวิต

สังคมชาวบ้าน หรือเมืองรอบนอก ตอนนี้ระบบการสื่อสารอะไรต่างๆ นาๆ เริ่มสะดวกและทันสมัยแล้ว เราคิดว่าการเอา laptop มานั่งทำงานตามสถานที่แบบนี้ สามารถทำได้นะ

ก็ได้แต่แอบบอกกับตัวเองว่า.... "เอาหนะ โอกาสหน้า เราจะ plan ชีวิตการทำงานให้ดีๆ ให้เราสามารถเอางานมาทำที่นี่ได้ด้วย" จะได้ทำงานไปด้วย ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำตัวเป็น "สังคมชาวบ้าน" ไปได้ด้วย

อย่ามองกันแค่เพียงเพราะว่าเป็นชุดขาว


ช่วงนี้เราได้มีโอกาสกลับเมืองไทย ก็เลยได้มีโอกาสใส่ชุดขาว ปฏิบัติธรรมดู

แต่อยากจะบอกทุกคนว่า "อย่ามองอะไรกันแค่เพราะเพียงชุดขาว"

สมัยนี้ ขาวแต่ชุด แต่ใจนั้นคุดนัก มีเยอะ
สมัยนี้ พวกมือถือสาก ปากถือศีลก็มีเยอะ
สมัยนี้ คนใส่ชุดขาว ขาวแค่เพียงภายนอกนั้นมีเยอะ

โปรดอย่ามองกันแค่เพียงเพราะ "ชุดขาว"
ให้มองลึกลงไปที่จิตใจและการกระทำนะครับ

จิตใจและการกระทำจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงวามเป็นคน...

Saturday, September 17, 2016

เลือกที่จะเสพข่าวสารข้อมูล


บางทีคนเราก็ต้องรู้จักเลือกที่จะเสพข่าว หรืออ่านพวก article อะไรต่างๆ online

ทำไมเราจะต้องไปอ่านเรื่องราวของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยหล่ะ

ทำไมเราไม่ไปหาอ่านเรื่องราวของคนที่เขาประสบความสำเร็จหล่ะ
คนไทยเราออกจะเก่ง
คนไทยอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้

ทำไมเราไม่ไปอ่านเรื่องราวของคนที่เขาเรียนได้เกรด 4.00
มีงานรองรับตั้งแต่เรียนเทอม 1 ปีสุดท้ายที่มหาลัย
มีงานรองรับตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เรียนจบปุ๊บ สอบเสร็จปั๊บ เริ่มทำงานทันที

เราแนะนำให้คนไทยเราเสพข่าวสารและข้อมูลในเชิงบวกนะครับ
เราจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้มาเป็นแนวทาง และข้อคิดในการดำเนินชีวิตของเราได้

อ่านข่าวหรือเสพข่าวสารข้อมูลในเชิงลบ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมาได้เลย

ตรงกันข้าม มันเสียเวลามากกว่า
It’s just a waste of time

Friday, July 29, 2016

ขยะ social ไม่สวยแล้วยังฉลาดน้อย


ตอนนี้สังคม social online มาแรง ใครๆก็มี social account กัน ใครๆก็สามารถเปิด Facebook fanpage ใครๆก็สามารถเปิด YouTube channel กัน ใครๆก็สามารถเปิด Facebook group กัน ใครๆก็สามารถทำ video clip อะไรออกมาก็ได้

การทำคนเรามี social channel เป็นของตัวเองก็ดีนะ แต่ต้องสร้างสรรค์และทำประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างด้วย ไม่ใช่นึกอยากจะทำ clip อะไรออกมาก็ทำ เพียงเพราะเพื่อจะเอาหน้าเน่าๆของตัวเองออกสื่อ แต่งกายไม่เรียบร้อย เปิดโชว์นั่นโชว์นี่เพียงคิดว่าตัวเองมีอะไรดีมาอวด ของดีมีคุณค่าเขาไม่เอาออกมาโชว์ง่ายๆหรอกจ๊ะเธอ ของดีมีคุณค่าเขาต้องเก็บและหวงแหน ได้พวกที่ชอบโชว์วับๆแวมๆแหนะ ของถูก ของปลอมกันเป็นส่วนใหญ่!!!

video clip ที่ดีมีประโยชน์ คนเขาจะเอาไปแชร์กันเอง คนทำไม่จำเป็นต้องแห่เอาไป post ที่นั่นที ที่โน่นที ตาม Facebook group ต่างๆ เห็นแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากขยะ social

พวกที่ชอบแห่เอา video clip ตัวเองไป post ตาม Facebook group อะไรต่างๆเนี๊ยะ เป็นพวกชีวิตที่น่าสงสาร ชีวิตที่ผ่านมาคงขาดความอบอุ่นหรือเปล่า ถึงต้องการเรียกร้องความสนใจ ไร้สาระได้มากมายถึงขนาดนี้ ไป post นั่น นี่ โน่น ตาม Facebook group ต่างๆให้คนเขารำคาญ 

ครั้นเราจะไปบอกอะไรเขา มันก็เหมือนว่า Facebook group นั้นไม่ใช่พื้นที่ของเรา เพราะ admin ที่ดูแล Facebook group อะไรต่างๆก็มีกันอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่ของ admin ของ page นั้นๆหรือ Facebook group นั้นๆที่จะต้องคอยสอดส่องดูแล รักษาคุณภาพของ post ต่างๆ แต่ก็มีหลายที่ ที่ admin เองไม่เห็นทำหน้าที่อะไรเลย ปล่อยให้พวก post ไร้สาระ ปล่อยให้ขยะ social พวกนี้มารอยร่องอยู่ใน Facebook group ของตัวเอง

video clip ที่เห็นตาม Facebook group ต่างๆก็จะเป็นพวก หลงคิดว่าตัวเองสวย พูดไปสะบัดผมไปมาน่าเวียนหัว เนื้อหาใน clip ไม่ได้มีอะไรดีเลย มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ video clip เน่าๆพวกนี้เก็บเอาไว้ที่ page ของตัวเองนะจ๊ะ ไม่ต้องเอามาเผยแพร่หรือออกสื่อที่อื่น ถ้าคนเขาเห็นว่า video clip พวกนี้มีประโยชน์หนะ คนเขาจะเอาออกมาแชร์กันเอง แต่คนที่เอาออกมาแชร์สมองเขาก็คงจะมีหยักเท่ากับคนทำ clip นั่นแหละ พวกไม่สวยแล้วยังฉลาดน้อย

คนประเภทนี้เนื่องจากหยักในสมองน้อยแล้ว หล่อนก็จะชอบคิดไปว่า ถ้ามีอะไรก็ให้มาพูดกันตรงๆต่อหน้า ไม่ต้องไป post อะไรที่อื่น

เอ่อ.... คุณน้องคนฉลาดน้อยจ๊ะ สำหรับคนหยักเยอะแล้ว พื้นที่บางพื้นที่เรารู้ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ของเรา เราไม่ไป post หรือ comment อะไรให้ admin เขารำคาญหรอกจ๊ะ และที่เขาไม่ได้ไปพูดต่อหน้าเธอ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากลดตัวลงต่ำไปยุ่งหรือสุงสิงอะไรกับเธอก็ได้ ให้คนฉลาดน้อยทำความเข้าใจใหม่นิดหนึ่ง

เลิกทำตัวเป็นขยะ social นะครับ คิดใหม่ ปรับตัวใหม่ สังคมยังให้อภัย...


Monday, July 25, 2016

มารไม่มี บารมีไม่เกิด


มันก็มีบ้างเป็นบางโอกาสที่เหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างมันทำให้เราอารมณ์เหวี่ยงและอยากจะโต้ตอบอะไร ใครสักคน บางทีเราก็อยากจะทำ อยากจะตอบโต้เพื่อความสะใจ แต่เราก็ได้แต่บอกตัวเองว่า นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ก็ได้ว่า สรุปแล้วเรามีความอดทน และอุเบกขา ปล่อยวางได้มากน้อยแค่น้อย

เราก็ได้แต่บอกกับตัวเองเบาๆ ลึกๆในใจว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"

ก็คนเคยบอกเราเอาไว้ว่าถ้าหมาเห่า ไม่ต้องไปเห่าตอบ เดี๋ยวมันจะมีหมาเพิ่มมาอีก 1 ตัว ใจจริงๆลึกๆก็อยากจะเป็นหมาสักรอบนะเพื่อความสะใจ

บางคนก็บอกว่าถ้าไปเห่ากับหมาแล้วชนะ แล้วเราจะไปบอกคนอื่นว่าไง ว่า "เออ... ชนะหมาว่ะ" อะไรประมาณนี้เหรอ มันก็ไม่เห็นมีอะไรที่น่าภูมิใจนะ

เอาหนะ ได้แต่พยายามบอกกับตัวเองว่า ทำงานของเราต่อไป ไม่ต้องไปสนใจเสียงมาร เราก็ได้แต่หวังว่า ขอให้การปล่อยวางและอุเบกขาในครั้งนี้ได้ส่งผลเป็น positive energy ให้มันเข้ามาในชีวิตด้วยเถอะ อย่าให้เป็นอะไรที่สูญเปล่าเลย....


Sunday, July 24, 2016

ชีวิตของคนทำงาน


วันนี้เราได้มีโอกาสไปตัดผมที่ร้านตัดผมราคาประหยัด เป็นพวกระบบ franchise ที่มาจากญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ก็มีระบบร้านตัดผมแบบประหยัดกันเยอะแยะตามประเทศต่างๆแถบเอเชีย ที่เราหยอดเงินเข้าเครื่องแล้วก็ได้หมายเลขคิว ซึ่งราคาที่ถือว่าถูกมาก แค่ $10 เอง เราก็เคยใช้บริการพวกร้านตัดผมแบบราคาประหยัดตอนไปประเทศสิงคโปร์ และที่สิงคโปร์ก็มีร้านตัดผมแบบราคาประหยัดแบบนี้อยู่แทบทุกหัวมุมเมือง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราเห็นร้านตัดผมแบบประหยัดแบบนี้ที่ประเทศออสเตรเลีย เราก็เลยอยากจะไปลองใช้บริการดูเพราะค่าตัดแค่ $10 เอง

พอเราเข้าไปในร้าน พนักงานในร้านทุกคนก็เป็นคนจีน คอยช่วยเหลือว่าต้องหยอดเงินเข้าตู้อะไรยังไง เพราะ concept หยอดเงินเข้าตู้เพื่อเอา ticket ตัดผมยังเป็น concept อะไรที่แปลกใหม่สำหรับประเทศออสเตรเลียอยู่ แต่ที่เอเชียมีมานานแล้ว พนักงานแบบว่าอยากจะช่วยเรามาก ว่าต้องกดปุ่มอะไร กดตรงใหน ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษพวกเขาจะไม่ค่อยดี แต่เขาก็พยายามที่จะช่วยเรามากเลย เป็นอะไรที่ประทับใจมาก

ปกติแล้วเราจะ interact กับคนจีนก็ต่อเมื่อเราไปร้านอาหารจีนเท่านั้น พอไปทีไรก็จะเจอแต่พวกโหวกเหวกเสียงดัง พูดจาห้วนๆ เป็นอะไรที่เราไม่ชอบ

แต่คราวนี้พนักงานจีนต้องตัดผมให้เรา เขาก็พยายามสื่อสารว่าเราต้องการอะไร ยังไง ทั้งๆที่ภาษาอังกฤษเขาเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่เขาก็พยายามมากเลย ใช้มือใช้ไม้โชว์ว่าต้องการผมสั้น ผมยาว มากน้อยแค่ใหน และก็ทำงานแบบสุภาพมาก พนักงานคนนั้นเป็นคนนอบน้อมมาก มันทำให้เราเห็นใจคนทำงานอย่างเขา ว่าเออ คนเรานะ ทำงาน หาเช้ากินค่ำ และเฉพาะงานที่เป็นงานบริการด้วยแล้ว ที่ต้อง interact กับคนกับลูกค้า เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนนะ เพราะตัวพนักงานเองต้องลด ego ของตัวเองลง และดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี และบางทีก็ต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าด้วย เราประทับใจและเห็นใจคนทำงานบริการทุกคนจริงๆ

การบริการไม่ใช่งานที่ง่ายนะ เพราะเป็นงานที่ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วต้องทำให้ลูกค้าชอบ ทำให้ลูกค้าประทับใจอีก

เห็นใจและเข้าใจคนทำงานทางด้านการบริการทุกคนนะครับ...

Sunday, May 15, 2016

คำติหนิ และ negative feedback คือพลังในการเสริมสร้างชีวิต


มนุษย์เราช่างเป็นอะไรที่แปลกประหลาดจริงนะ มนุษย์เราชอบให้คนอื่นสรรเสริญเยินยอ แต่กลับไม่ชอบให้ใครมาตำหนิติเตียน ถ้าจะบอกว่ามนุษย์เราจริงๆแล้วเป็นสัตว์ประหลาดมันก็คงจะไม่ผิด หรือเปล่านะ...

ทุกครั้งที่มีคนสรรเสริญ ยกยอ ปอปั้น เราชอบ เรา happy มีความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลื้มไปเป็นวันๆ แต่ในทางตรงกันข้าม พอมีใครมาตำหนิ หรือ make comment ในเรื่องที่เราบกพร่องสักหน่อยละก็ เรากลับไม่ชอบ

แปลกมั๊ยหละ มนุษย์เรา

ทำไมนะ คนเราไม่คิดว่า เออ ดีออก เราได้ feedback มา จะได้เอามาพัฒนาตัวเราเอง อันใหนบกพร่องเราก็ควรที่จะแก้ไขสิ ไม่ใช่ไปโกรธหรือเคืองคนที่เขาให้ feedback เรามา แต่ถ้าคนที่ให้ feedback มาเป็นอะไรที่หยาบคายหรือไม่มีมารยาท อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เราขอพูดถึงเฉพาะ friendly comment หรือ friendly feedback ก็แล้วกัน ว่าเราควรจะเอา feedback หรือ comment เหล่านั้นมาปรับปรุงตัวเราเองยังไง

คนใหนที่ถูกตำหนิในเรื่องที่เราบกพร่อง จริงๆแล้วเราต่างหากหละที่ต้องขอบคุณคนที่มาตำหนิเรา ดีออกที่มีคนมาตำหนิ ก็แสดงว่าเขาใส่ใจ อยากเห็นเราปรับปรุงหรือพัฒนาในที่สิ่งที่เราทำอยู่ อยากให้เราดีขึ้นไปเรื่อยๆ

ดีออกที่เขาทำตัวเป็นกระจกส่องเงาให้เรา
feedback และ comment เป็นของฟรี หาซื้อไม่ได้ มีคนเอามาให้ ก็ดีแล้วหนิ ไปขอบคุณเขาสิเธอ!!!

คนเราควรเลิกทำตัวเป็น กบในกะลา พวกโลกแคบ พวกมองโลกในแง่เดียว พวกหลอกตัวเอง เผชิญความเป็นจริงในชีวิตไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร

เลิกทำตัวเป็นดักแด้ที่อยู่ในฝักกันหน่อยเถอะ พวกไข่ในหินทั้งหลาย ขอร้อง ออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงแล้วมันจะทำให้เราแกร่งขึ้น โลกเบี้ยวๆใบนี้ไม่มีที่ให้อยู่สำหรับคนอ่อนแอจ๊ะ ถ้าหากอยากจะเอาชีวิตให้รอดได้ เราต้องแกร่ง แต่ไม่ก้าวร้าว เราต้องเป็นพวก แกร่งนอก นุ่มใน...

หลายคนเลือกที่จะปฏิเสธ ไม่ยอมรับรู้และรับฟังในสิ่งที่เกิดขึ้น ในข้อบกพร่องของตัวเอง พวกนี้เป็นพวกโลกสวย หรืออาจจะเป็นพวกสายตาสั้น แต่พวกโลกสวยเนี๊ยะ จะอยู่บนโลกเบี้ยวๆใบนี้ได้สักกี่น้ำกันเชียว เราอยากจะรู้

สังคมทุกวันนี้ ไม่มีที่ให้ยืนสำหรับคนอ่อนแอ ถ้าคิดที่จะมีชีวิตให้อยู่รอดในสังคมนี้ได้ เราก็ต้องแกร่งและกล้าที่จะเผชิญความเป็นจริง

อย่ามัวแต่โทษคนอื่น เพราะนั่นมันเป็นทางออกของคนอ่อนแอ
อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงคนอื่น เพราะมันเป็นอะไรที่เรา control ไม่ได้

เปลี่ยนสิ เปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาส
บอกกับตัวเองสิ ว่าเราต้องทำได้ดีกว่านี้
เอาคำติหนิ เอา negative feedback มาเป็นพลังในการเสริมสร้างชีวิตสิ

โกรธเขา งอนเขา เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าหละเธอ 
ตื่นเถอะตื่น มาเผชิญกับความเป็นจริงกัน

คนเรานะ ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้น มันก็ต้องดิ้นกันต่อไป...

Sunday, April 24, 2016

การให้ การปลดปล่อยและปล่อยวาง


เคยมั๊ยที่เรายึดติด ยึดถือ และยึดมั่นกับอะไรมากๆ เราก็จะผูกพันและรู้สึกว่าเป็นพันธะ แต่รู้มั๊ยว่าถ้าอยู่นานๆไปมันก็อาจจะกลายเป็นภาระก็ได้นะ...

แต่ถ้าหากเรารู้จักการปล่อยวาง การไม่ยึดมั่นถือมั่น แล้วชีวิตเราก็จะสบาย เบา ไม่หนัก

การปล่อยวาง การไม่ยึดมั่นถือมั่นสามารถปฏิบัติและทำกันได้ง่ายๆ เริ่มจากจุดเล็กๆน้อยๆที่บ้าน

ชีวิตคนเราในปัจจุบัน หลายๆคนเป็นคนชอบสะสม สะสมสิ่งของที่เราไม่ใช้แล้ว หรือเลิกใช้แล้ว อย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ของเล่นเด็กๆ ของเล่นของลูกๆ เพราะพอเขาเริ่มโตกันแล้ว เขาก็จะไม่เล่นสิ่งของพวกนั้นแล้ว นั่นก็รวมไปถึงเสื้อผ้าของเด็กๆด้วย เพราะเด็กๆจะโตไวมาก เผลอแป๊บเดียว เสื้อผ้าเขาก็ใส่ไม่ได้แล้ว

ลูกลิงที่บ้านจะมีของเล่นเยอะมาก แต่ตอนนี้ลูกลิง 2 ตัวก็เริ่มที่จะโตกันแล้ว เราก็เลยต้องบอกว่า ทุกเสาร์-อาทิตย์ลูกลิงจะต้องนำเอาของเล่นที่เขาเลิกเล่นแล้ว ให้นำเอาออกมาวางไว้ที่หน้าบ้าน เผื่อให้คนที่เดินผ่านไปมาถ้าใครอยากได้ก็ให้เขาหยิบเอาไป หรือเด็กคนใหนที่เดินผ่านไปมา ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาหยิบเอาไป เราให้ทำอย่างนี้ทุกอาทิตย์และก็ทำกันมานานแล้ว แต่ก็มีบ้างที่บางอาทิตย์เราก็ลืม

ลูกลิงรู้ดีว่าจุดประสงค์ของพ่อคืออะไร เพราะจริงๆแล้ว คนๆหนึงเขาจะเล่นของเล่นสักกี่ชิ้นกันเชียว เล่นแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เบื่อ ที่บ้านเราจะไม่ค่อยซื้อของเล่นให้ลูก ที่ได้มาเยอะแยะก็จะมาจาก ยายๆ น้าๆของเขามากกว่า และก็ของขวัญตามวันอะไรต่างๆจากคนอื่น ไม่ได้มจากการซื้อสักเท่าไหร่ 

เราสอนลูกให้รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้รู้จักการเป็นผู้ให้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราจะมองในมุมที่กว้างไปกว่านั้นก็คือ การปลูกฝังนิสัยเด็ก ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ฝึกกันไว้ตั้งแต่เด็กๆเลย และลูกลิงเองก็รู้กันว่า ของเล่นของเขาที่เขาเลิกเล่นอันใหนที่ยังอยู่ในสภาพดี เราเอาไปวางไว้หน้าบ้านให้คนอื่นมาเอา เป็นก็เป็นการแบ่งปันให้เด็กคนอื่นเขาได้มีโอกาสเล่นของเล่นเหล่านั้นบ้าง แบ่งๆกันไป เป็นการสอนให้เด็กไม่เห็นแก่ตัวไปด้วยในตัว บางสิ่งบางอย่างเราก็ต้องปลูกฝังเด็กตั้งแต่เล็กๆ เด็กจะได้จดจำและทำจนเป็นนิสัย

จำได้เสมอว่า "ไม้อ่อนตัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"

ส่วนเราที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ดีออก บ้านจะได้ไม่รก ทุกอย่างจะดูสะอาดตา น่าอยู่ ไม่รกรุงรัง เพราะปัญหาของบ้านหลายๆหลังคือ "ของเล่นลูกเต็มไปหมด"

แต่ถ้าหากเรามองไปให้ไกล ในมุมก็กว้างมากกว่านี้ มันก็เป็นการปล่อยวาง และการปลดปล่อยอีกอย่างถึง คือเราไม่ยึดติดกับวัตถุสิ่งของ ถ้าทุกคนที่บ้าน ไม่ว่า พ่อแม่ลูก ทุกคนทำกันเป็นนิสัย บอกได้เลยว่า บ้านหลังนั้นจะเป็นอะไรที่แลดูน่าอยู่มาก ทุกอย่างจะเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะของบางอย่างที่เราหรือลูกๆเขาไม่ใช้แล้ว เราเก็บเอาไว้ให้ฝุ่นมันเกาะเฉยๆ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย

หลายๆครอบครัวชอบที่จะทำการโล๊ะของกันครั้งใหญ่ๆ นานๆทำที และทำทีเดียวใหญ่ๆไปเลย แต่เราชอบที่จะทยอยทำความทำสะอาดไปทีละเล็กทีละน้อยมากกว่า ทำทุกๆอาทิตย์ ด้วยการเอาของอะไรที่เราไม่ใช้แล้วไปวางไว้ที่หน้าบ้าน แต่เราก็จะเน้นไปที่ของเล่นของลูกมากกว่า เพราะของบางอย่างเป็นอะไรที่ลูกๆเขาเลิกเล่นแล้วจริงๆ ส่วนของพ่อกับของแม่ก็นานๆที

ครอบครัวใหนอยากจะลองนำเอาไปทำกันดูก็ลองกันได้นะครับ โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าเป็นอะไรที่ดี เพราะมันทำให้เรารู้จักการปลดปล่อยและปล่อยวาง...

โดยเฉพาะเราฝึกและหัดกันไว้ตั้งแต่เด็กๆเลย...

Sunday, April 10, 2016

อย่าหลอกตัวเอง


มีน้องคนหนึ่งประสบปัญหาเรื่องชีวิตรัก แฟนน้องได้แยกบ้านออกไปอยู่เองต่างหาก และแฟนน้องเองก็มีแฟนใหม่ไปแล้วเรียบร้อย แต่แฟนน้องเองก็ยังติดต่อ พูดคุยกับน้องอยู่ น้องก็เลยแอบมีความหวังว่าแฟนน้องจะกลับมาหา เราก็ไม่เข้าใจนะว่า แฟนเก่าของน้องคนนี้เขาคิดอะไร ยังไง ที่ติดต่อพูดคุยกันเนี๊ยะ เพราะคิดว่าเป็นเพื่อน หรือว่าทำไปเพื่อเผื่อเลือก หรือว่าแอบให้ความหวังกับน้องคนนี้หรือเปล่า

ส่วนตัวน้องเอง ก็แอบมีความหวังว่าเขาคนนั้นจะกลับมา ว่างั้นเถอ อะไรกันเนี๊ยะ ชีวิตคนเรา มันไม่มีความหมาย มันไร้ค่ามากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ที่คนเราต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของใครสักคน

แฟนของน้องเขาเลือกที่จะแยกทางกับน้องไปแล้ว เขาเป็นฝ่ายทิ้งน้องไปเอง แล้วน้องจะมามัวหวังลมๆแล้งๆว่าเขาจะกลับมาได้ไงเนี๊ยะ เราเองก็ไม่เข้าใจ

แต่ก็อย่างว่าแหละ เด็กๆบางคนก็อ่อนโลกกันสะเหลือเกิน ชอบคิดว่าโลกสวย แต่ก็อย่าว่าแต่เด็กเลยนะ ผู้ใหญ่บางคนก็เหมือนกัน ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง ให้ความหวังลมๆแล้งๆกับตัวเองไปวันๆว่าเขาอาจจะกลับมา

คนเราเหรอ ถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งเราไปแล้ว ทำไรเราต้องไปง้อหรือหวังว่าเขาคนนั้นจะกลับมาด้วยละ

ถ้าเขารักเราจริง เขาก็คงไม่ทิ้งเราไปตั้งแต่แรก อย่ามัวหลอกตัวเองไปวันๆเลย สู้เราเอาเวลาเหล่านั้นมาฉุกคิดดีกว่าว่า สรุปแล้วเราจะเอายังไงดีกับชีวิต จะเลือกเดินไปทางใหนดีกัน ชีวิตเราต่อไป จะเอายังไงดี จะเดินหน้าไปยังไง จะไปซ้ายหรือจะไปขวาดี เพราะเราจะมามัวปล่อยชีวิตเราเพื่อรอใครสักคนให้เขากลับมาหนะ มันก็ยากและเป็นการเสียเวลา

เราก็ต้องคิดด้วยว่า ถ้าเขากลับมาแล้ว ทุกอย่างจะเหมือนเดิมมั๊ย แก้วที่มันร้าว ไม่นานมันก็คงจะแตก แก้วที่แตกแล้ว จะกลับเอามาซ่อมแซมทากาวติด กาวยาใจ กาวประสานใจ อะไรต่ออะไรก็คงจะไม่เหมือนเดิม

สู้เราเอาเวลามาสู้กับความเป็นจริง มาเผชิญชีวิตความเป็นจริงจะดีกว่ามั๊ย ชีวิตเรามันต้องมีค่ามากกว่านี้สิ เราควนจะทำอะไรให้กับตัวเอง ทำชีวิตตัวเราเองให้ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว หาความสุขให้กับตัวเอง ให้อีกฝ่ายเขานึกเสียดายเราสิ ถึงตอนนั้นเราก็คิดว่า ตัวน้องเองคงจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้เยอะแยะเข้ามาในชีวิต หรือหากน้องเลือกที่จะอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว มันก็ดีไปอีกแบบนะ

ชีวิตเรา เราเลือกได้ เราออกแบบได้ อย่าให้ใครบางคนมากำหนดหรือบงการชีวิตเรา

ชีวิตเรา เราต้อง take control.... เลิกหลอกตัวเอง 

เผชิญหน้ากับความเป็นจริง ทั้งกับความทุกข์หรือความสุขที่เข้ามาในชีวิต เราต้องรับมันให้ได้เสมอ

ก็แนะนำให้เราคิดกันว่า ชีวิตนั้นมีค่าเสมอ ใครไม่เห็นค่าของเราก็คงต้องปล่อยเขาไป ก็แค่นั้นเอง เราก็ควรดำเนินชีวิตเราไปตามปกติ บาดแผลในใจเหรอ ให้เวลามันสักหน่อย ช้าบ้าง เร็วบ้าง มันก็คงจะหายไปเอง 

แต่ที่แน่ๆคือ เราจะต้องไม่หลอกตัวเอง

Saturday, April 2, 2016

คนล้มอย่าข้าม


ชีวิตมนุษย์เรานั้นมีล้มได้ มีผิดพลาดได้ แต่นั่นมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต เราพลาดหรือทำอะไรล้มเหลว ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องพลาดหรือล้มเหลวตลอดไป

คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยกัน เราต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน ไม่มีการเหยียดย่ำซ้ำเติม ทำตัวเป็นไหล่ให้คนซบ คนล้มอย่าข้าม เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะลุกขึ้นมาผงาดและโดดเด่นอีกก็ได้

ใครที่ทำอะไรผิดพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจหรือการดำเนินชีวิตทั่วไป เราก็ขอเป็นกำลังใจให้

แต่คนที่คอยฉวยโอกาส และชอบเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น เราก็ขอประนามก็แล้วกัน อย่าให้ตัวเองพลาดมั่งก็แล้วกัน

คนเราการพูดการจา การแสดงกิริยาท่าทางมันแสดงออกถึงความเป็นตัวตนและธาตุแท้ เราคิดว่าคนอื่นสามารถสัมผัสได้ การที่คนเราไปเหยียบหย่ำซ้ำเดิมคนอื่น เราคิดว่ามันทำให้ค่าของความเป็นคนมันลดลงไปนะ

แต่ก็เอาเถอะก็คิดเสียว่า คนเหล่านั้นเขาคงคิดได้แค่นั้นจริงๆ คนเรามีหยักไม่เท่ากัน เราก็คงต้องปล่อยเขาไป และก็จะคอยดูอยู่ห่างๆว่า เขาจะล้มหรือเปล่า จะพลาดมั๊ย

ส่วนใครที่ล้ม ใครที่พลาดพลั้งอะไรไปก็ไม่เป็นไรนะครับ เราขอเป็นกำลังใจให้อยู่ห่างๆ

ตราบใดที่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ เราก็คงต้องสู้กันต่อไป ก็เลือกที่จะเกิดมาใช้กรรมกันแล้วหนิ.... ใช่ป๊ะ???

ความล้มเหลว ความผิดพลาดเหรอ ก็ดีออก มันสอนให้เราเข้มแข็ง มันสอนให้เราสู้ มันสอนให้เรารู้ว่า ชีวิตนี้มีกรรม...

Sunday, March 20, 2016

มิตรแท้ ศรัตรูถาวร


มีเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ที่มันทำให้เราเห็นว่า เออ บางทีนะไอ้คำว่า "มิตรแท้ ศรัตรูถาวร" มันคงไม่มีจริงๆ โดยเฉพาะโลกและสังคมปัจจุบันที่คนต้องดิ้นรนและแสวงหาเพื่อความอยู่รอด และเพื่อปากท้องและผลประโยชน์ จนบางทีก็ลืมอุดมการณ์และจุดยืนของตนเอง

แต่บางคนก็เลือกหาทางออกง่ายๆด้วยเพียงเพราะอ้างว่า "อุดมการณ์กินไม่ได้" ท่าทางมันก็คงจะจริงแหละนะ อุดมการณ์มันก็คงกินไม่ได้จริงๆ แต่อุดมการณ์มันก็บ่งบอกถึงความเป็นเราไม่ใช่เหรอ ความเป็นตัวตน หากคนเรามันขาดอุดมการณ์ไปแล้ว แล้วค่าของคนจะเหลืออะไรอีก

กิ้งก่าสามารถเปลี่ยนสีได้เสมอเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และเพื่อความอยู่รอด คนเราก็เหมือนกันสามารถเปลี่ยนมิตรมาเป็นศรัตรูและสามารถเปลี่ยนศรัตรูมาเป็นมิตรได้ และที่ทำก็อาจจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือการเอาตัวรอดอะไรสักอย่างก็เป็นได้ ทุกคนจะสรรหาเหตุผลเพื่อมาเข้าข้างตัวเองเสมอ

บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่า สรุปแล้วคนเราพฤติกรรมบางอย่างเนี๊ยะ เราทำกันไปเพื่ออะไรกันแน่

กิ้งก่าเปลี่ยนสีเราพอเข้าใจ แต่คนเปลี่ยนสีนี่สิ เข้าใจยาก มันทำให้ค่าของความเป็นคนลดลง ศักดิ์ศรีความเป็นคนมันหายไป โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว คนเราเกิดมาเป็นคน เราต้องมีจุดยืนที่แน่นอน ไม่งั้นเราก็จะกลายเป็นไม้หลักปักเลน แล้วคนที่เป็นผู้ใหญ่มันก็ทำให้ขาดความเคารพและนับถือ อย่าทำอะไรไปเพียงเพราะว่า "ฉันไม่แคร์" อย่าทำอะไรไปเพียงเพราะว่าเรา "อยากจะได้" "อยากจะเอา" ไม่แนะนำนะครับ

ส่วนตัวแล้วเราก็ไม่ได้ไปมีอะไรกับใครหรอกนะ เพียงแค่เห็นพฤติกรรมของคนแล้ว มันทำให้เราฉุกคิด ก็แค่นั้นเอง เมื่อเราเห็นความตอแหลของคนแล้วมันทำให้โลกนี้ดูหน้าเบื่อ มันดูจอมปลอม และไม่เที่ยง

เราคิดว่าโลกนี้จะหน้าอยู่มากกว่านี้ ถ้าคนเราไม่ดิ้นรนอะไรมาก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก ใช้ชีวิตเรียบง่ายกันจะดีกว่ามั๊ย ขอมีแต่มิตรก็แล้วกัน ไม่ต้องการศรัตรู แต่ถ้าใครเลือกที่จะเป็นศรัตรูหรืออะไรกับใครก็ขอให้มีจุดยืนที่มั่นคงก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าวันหนึ่งเธอเที่ยวไปประกาศว่าคนนั้นไม่ดีอย่างโน้น คนโน้นไม่ดีอย่างนี้ แต่เอ๊ะทำไมวันนี้ดูเธอญาติดีกับคนๆนี้มากเลยนะ งงจ๊ะ เราตามไม่ทัน...

จะทำอะไร ยังไง จะอยู่ฝ่ายใหน เลือกเอาสักอย่าง

Saturday, March 12, 2016

มัดมือชก


บางทีเราก็เกิดเหตุการณ์แบบที่คนมาความช่วยเหลือที่เกินขอบเขตของการทำงาน อาจจะด้วยเหตุผลเพราะว่า "รู้จักกัน" 

การขอความช่วยเหลือของหลายๆคนที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็แบบว่าเอางานมาวางข้างหน้าแล้วก็แบบว่า เออ เธอ ช่วยฉันหน่อย อะไรประมาณนี้

บางคนก็แบบว่า เออ เธอ ดูอะไรตรงนี้ให้หน่อยสิ พอดูเสร็จมันก็เลยเถิด ดูจุดอื่นๆ ดูนั่น นี่ โน่นไปเรื่อย

บางทีมันก็เป็นการยากนะ ยากที่จะปฏิเสธอะไร ใครสักคน เพราะเขาเองก็ไม่ได้ถามเราว่าเราว่างหรือเปล่า เรามีเวลามั๊ย

คือเขาสรุปกันมาเองเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้วว่าเราว่าง เราเวลาช่วยเขาได้ อะไรประมาณนี้ เพราะหลายๆครั้ง ที่หลายๆคนก็ไม่เคยสอบถามเราตรงจุดนี้เลย

ถามว่าเหนื่อยมั๊ย ไม่นะ ไม่เหนื่อยกาย แต่มันเหนื่อยใจมากกว่า

ยินดีที่ให้ความช่วยเหลือทุกคนนะ แต่ไม่ชอบกับการที่ต้องถูกมัดมือชก แต่ก็เอาเถอะคิดสะว่าทำๆไป ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ประสบการณ์ชีวิตอะไรหลายๆอย่างมันสอนให้เราไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวหรือสนิทอะไรกับใคร สนิทไปก็เปลืองตัว ประสบการณ์ชีวิตมันสอนให้เรารู้ว่า อยู่กับคนในครอบครัว ใช้ชีวิตกับคนครอบครัวให้มาก จะดีที่สุด...

Saturday, February 27, 2016

เหนื่อย เมื่อย และล้า


มีหลายครั้งเหลือเกินที่รู้สึกว่าเราเหนื่อย เมื่อย และก็ล้า 

มันรู้สึกเหนื่อย เมื่อยกับหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบและการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน 

มันเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนและต่อสู้ แกร่งแย่งแข่งขัน ทั้งกับเวลาและกับตัวเราเอง

มันก็มีบ้างเป็นบางอารมณ์ที่เราอยากจะใช้ชีวิตเรียบง่าย slowlife ไปอยู่ตามป่า ตามเขา ตามดง ใช้ชีวิตแบบบ้านไร่ บ้านนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์มันคงจะดีไม่น้อย

พวกคนที่เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ตามเมืองรอบนอก อยู่ตามชนบท เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าชีวิตพวกเขานั้นมันโชคดีขนาดใหน

คนสังคมเมืองก็อยากจะไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามเมืองรอบนอก แต่ในขณะเดียวกัน คนตามเมืองรอบนอก ตามชนบทก็ไขว่ขว้าและอยากที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองกันจังเลย

นี่แหละนะชีวิตมนุษย์ รู้สึกว่าเราไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เรามีกันเท่าไหร่ มันรู้สึกว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม กับ "ความต้องการ" และ "ความอยาก" อยากจะได้โน่น อยากจะได้นี่ 

เมื่อไหร่นะคนเราจะรู้จักคำว่า "พอ" คำว่า "พอ" ที่มันพอจริงๆ

คนเรานะถ้ามันมีความต้องการ มีความอยากที่น้อยลง คนเราก็คงไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนอะไรกันมากมาย คิดว่าชีวิตที่มันรู้จักคำว่า "พอ" จริงๆ มันก็คงจะเป็นอะไรที่มีความสุขจริงๆได้เช่นเดียวกัน...

Sunday, February 21, 2016

ประสบการณ์การใกล้ความตาย


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลของออสเตรเลีย ได้มีการฉีดยาสลบ และหมอก็ได้ทำการผ่าตัด

ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราก็มีการพูดคุยกับหมอ พอเข้าไปในห้องผ่าตัดดูเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างมันยั้วเยี๊ยะเต็มไปหมด พอได้มีการฉีดยาสลบ หลังจากตื่นมาอีกทีหนึ่งเราก็อยู่ที่ Recovery Unit หรือแผนกพักฝื้น

ช่วงที่อยู่แผนกพักฝื้น เราก็แบบว่าค่อยๆตื่นมาแบบสลึมสลือ ก็ประมาณว่า รู้สึกตัวตอนก่อนโดนฝ่าตัด เกิดอะไรขึ้นในระหว่างนั้นเราไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีคือทุกอย่างมันเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างมันจบลงแล้ว จากคนที่เยอะอยู่ในห้องผ่าตัด เหลือแค่หมอแค่ 1-2 คนเองอยู่ที่ห้องพักฝื้น 

มันเหมือนกับว่า นี่มันเป็นประสบการณ์ใกล้ความตายอีกอย่างหนึ่ง เพราะอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่เราหลับ หรือสลบ เพราะตื่นมาอีกที มันก็เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง อาจจะด้วยฤทธิ์ของยาสลบก็เป็นได้ ทุกอย่างมันดูคลุมเครือไปหมด

การตื่นฟื้นขึ้นมาคราวนี้ มันดูเหมือนว่า นี่เป็นการตื่นขึ้นมาผจญโลกอีกรอบหนึ่ง ประหนึ่งเหมือนว่าตายแล้วเกิดใหม่อะไรประมาณนี้ เพราะว่าตอนที่เข้าไปก็เป็นคนอีกคนหนึ่ง พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็กลายเป็นคนใหม่ แต่อย่าลืมว่าในช่วงเวลาที่เรานอนสลบอยู่นั้นอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าหากหลับแล้วไม่ตื่นหละ? 

จริงๆแล้วก็คงไม่เป็นไร เพราะมันก็ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร เพราะตอนเข้าไป นอนๆอยู่ หมอฉีดยา เราก็ค่อยๆหลับลงไปเลย ถ้าเราจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย มันก็คงไม่เป็นไร

ประมาณว่าทุกอย่างมันอยู่ที่หมอแล้วหละตอนนี้ จะรอดหรือจะไม่รอด แต่ที่ผ่านมาทีมงานของคุณหมอก็ทำได้ดี และอยากจะบอกว่าการผ่าตัดในแต่ละครั้งหนะ ใช้บุคลากรเยอะมากหลายคนในการที่รักษาเราแค่คนเดียว จากประสบการณ์ของการผ่าตัดมันทำให้เรารู้สึก appreciated คนทุกคนของโรงพยาบาลว่าเขาทำงานกันเต็มที่จริงๆ กับแค่คนไข้แค่คนเดียวเองนะ

อยากจะรู้ว่าจะมีสักกี่คนเองนะที่รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุญของคนเหล่านี้ เพราะการที่เรามาใช้บริการของโรงพยาบาลของรัฐที่ออสเตรเลีย ทุกอย่างมันก็ฟรีอยู่แล้ว จะมีสักกี่คนที่พูดคำว่า "ขอบคุณ" และ "ขอบใจ" ให้กับคนทำงานที่นี่ด้วยใจจริง

เรามาคราวก่อน เราส่ง thank you card มาให้พวกพยาบาลที่ดูแลเราวันนั้น แต่คราวนี้ฝ่าตัดใหญ่ และมีอะไรหลายๆอย่างที่ประทับใจ คราวนี้ขอเป็นดอกไม้ส่งไปให้เลยก็แล้วกัน เพราะคิดว่าเป็นอะไรที่น้อยนิดมาก ถ้าเผื่อจะเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายจริงๆของการฝ่าตัด และการทำงานทำงานที่เอาจริงเอาจังกับหมอและพยาบาลที่นี่...

Tuesday, February 16, 2016

คนไม่แก่ ก็ขี้น้อยใจนะ


ก็มีบ้างเป็นบางทีที่คนเรามัวแต่ทำนั่น นี่ โน่น ยุ่งและวุ่นวายอยู่กับชีวิตของเขา เพราะทุกชีวิตมันคือการแข่งขัน คนเราได้เกิดมาแล้วมันก็ต้องดิ้นรน

เมื่อไม่นานมานี้ เราก็ได้ไปพูดคุยกับพี่คนหนึ่งซึ่งเราก็รู้จักกันมานานแล้ว พี่คนไทยคนนี้เป็นคนมีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มสังคมคนไทยในเมืองระแวกนี้ พี่เขาก็ได้บ่นนิดๆเป็นเชิงน้อยใจเหมือนกับว่า ชีวิตเราเป็นเรือจ้าง ส่งคนถึงฝั่งแล้วคนก็ลืม

อ้าว.... สรุปคือน้อยใจนั่นแหละ

ใครบอกว่าเฉพาะคนแก่เท่านั้นที่ขี้น้อยใจ ไม่จริ๊ง ไม่จริง คนไม่แก่ก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน

ดังนั้น เราทุกคนก็ไม่ควรที่จะปล่อยปละละเลย กับใครสักคนที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ติดต่อกับไปบ้าง อย่าปล่อยให้ระยะทางและเวลามันทำให้คนเรามันห่างเหิน

ก็ไม่ต้องจำเป็นต้องถึงแบบว่า "บุญคุณต้องทดแทน" อะไรแบบนั้น ไม่ใช่ เอาแค่ว่า "ยังไม่ลืม" ก็พอ นานๆทีติดต่อมา ส่งข้อความมา นั่น นี่ โน่น เล็กๆน้อยๆ แค่นี้ก็พอเป็นยาชะโลมใจให้ใครบางคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดต่อทุกวัน ทุกอาทิตย์

นานๆ ตึ๊ดๆมาที มันก็ดีกว่าที่ไม่เคยตึ๊ดๆมาเลย...

อย่าปล่อยให้แก้วมันร้าว เพราะแก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก

แต่ถ้าไม่ได้สนใจใยดีแก้วใบนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่อยากให้มันร้าว ก็หมั่นถนุถนอมนิดหนึ่ง เพราะของบางอย่างมันเรียกคืนมาได้ยาก

Sunday, February 14, 2016

ลูกเทพ โง่ งมงาย ไม่เชื่อและขอลบหลู่


ถึงแม้เราจะอยู่เมืองนอกก็เถอะ เราก็ได้เห็นกระแสลูกเทพใน Internet เพราะมีการลงข่าว ไม่ว่าจะเป็นที่ CNN หรือสำนักข่าวหลายๆที่

เห็นแล้วรู้สึกอายจัง อายกับความโง่เขลา และความงมงายของคน คือแบบว่าคนเรามันหมดที่พึ่งทางใจกันขนาดนี้แล้วเหรอเนี๊ยะ ถ้าต้องการที่พึ่งทางใจทำไมไม่ไปวัด ไปโบสถ์กันหละ จะนับถือศาสนาอะไรก็ว่าไป แต่ต้องไม่ใช่ไอ้ลูกเทพอะไรนี่ โง่กันจริง

คนที่หมดเงินไปกับการบูชาลูกเทพ นี่ก็เป็นผลาญเงินอีกแบบหนึ่ง อยากโง่เองก็ช่วยไม่ได้นะ ตามสบายก็แล้วกัน

คนที่หากินกับลูกเทพก็ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เออ เอาเถอะ น้ำกำลังขึ้นให้รับตักก็แล้วกัน เพราะของอย่างนี้คงไม่จีรังยั่งยัน เดี๋ยวก็คงซบเซาลงไปเอง 

ส่วนพระคุณเจ้าทั้งหลายที่มีการปลุกเศกลูกเทพแล้วบอกว่า มันไม่ต่างอะไรกับการเจิมรถ เจิมบ้าน เออ นั่นนะสินะ จริงๆแล้วศาสนาพุทธก็ไม่ได้สนับสนุนอะไรมากมายกับการเจิม ไม่เจิมอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ ศาสนาพุทธที่แท้จริงต้องมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติสิ ทำไปสิทำยังไงถึงจะหลุดพ้น ไม่ใช่มานั่งเสกนั่น นี่ โน่น ให้คนเขางมงายกัน

เฮ้อ.... เบื่อนะที่จะต้องกลายมาเป็นฆารวาสสอนพระเนี๊ยะ

ส่วนคนที่ชอบเอาพวกลูกเทพมาลง  social media มาอวดอ้าง ก็เอาเถอะ เพราะนั่นมันคือการประจานว่าตัวเองโง่ และงมงาย ยิ่งลงเยอะ อวดเยอะ ก็แสดงว่าโง่เยอะ

ส่วนพวกดารา คนดังอะไรทั้งหลายแหล่ก็เหมือนกัน เอาเถอะถือว่าเป็นการประจานตัวเอง ว่าช่างโง่และงมงายกันสะจริงๆ เสียดีที่เป็นคนดัง ควรจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ใช่เอาลูกเทพมาออกสือ น่าระอายจริงๆ

หลายคนบอกว่าชีวิตดีขึ้นหลังจากได้มีการบูชาและขอพรจากลูกเทพ แหม... โง่อีกหละ ถ้าอยากให้ชีวิตดีมีสุข ก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไปสิ ถือศีลกินเจอะไรก็ว่าไป ชีวิตมันก็คงจะดีขึ้น จะมามัวกราบไว้ขอพรอะไรเนี๊ยะจากตุ๊กตา เออ โง่จริง

ไม่รู้นะ หลายๆคนบอกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

เอ่อ.... เราไม่เชื่อ และก็ขอลบหลู่ ก็ขอบอกว่า พวกเธอช่างโง่เขลาจริงๆ สมองคงมีหยักน้อย ไม่เป็นไรจ๊ะ เข้าใจว่าพระท่านให้มาไม่เท่ากัน...

จะคอยดูว่ามันจะฮิตกันไปได้สักเท่าไหร่กันเชียว ชักจะเบื่อเต็มทนละ

Sunday, February 7, 2016

อย่าทิ้งให้คนแก่เหงา โศกเศร้าและเดียวดาย


หลายคนละทิ้งชีวิตที่เมืองไทย เพื่อมาแสวงหาชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ แต่ยังไงก็เถอะ ก็อย่าลืมคนที่เราทิ้งไว้เบื้องหลังนะครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย อย่าปล่อยให้เขาเหงา โศกเศร้าและเดียวดาย

ติดต่อกลับไปมั่ง โทรกลับไปมั่ง เพราะพ่อแม่นั้นมีแต่จะแก่เฒ่านะ วันเวลาบางอย่างมันเรียกเรากลับคืนมาไม่ได้

หลายๆคนหลงระเริงกับชีวิตอิสระ ชีวิตเมืองนอก วันๆหมดไปกับการ กิน เที่ยว เล่น ใช้ชีวิตกับการหาความสุขที่มันไม่จีรังยั่งยืน 

เนื่องด้วยการงานและอะไรหลายๆอย่างที่เราทำ ชีวิตคนไทยในเมืองนอกเหรอ เราเห็นมาแล้วแทบทุกรูปแบบ 

หลายๆคนก็ทำงาน หามรุ่งหามค่ำ เสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ยอมหยุดกัน ด้วยเพราะว่าต้องการที่จะทำเงิน ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง คนเราขยันทำมาหากินมันก็ดีนะ แต่ก็อย่าลืมว่า ท้ายที่สุดแล้วอะไรที่สำคัญในชีวิต เงินทอง หรือว่าเวลาและความอบอุ่นที่เราควรจะมอบให้กับใครสักคน.... คนที่เรารัก

อย่าอ้างแค่เพราะว่า "ยุ่ง" หรือว่า "ต้องทำงาน" เพราะสุดท้ายแล้วเงินทองที่หามาได้ ตายไปเราเอาอะไรไปไม่ได้สักบาท เกิดมาตัวเปล่า เราก็ไปตัวเปล่า

อะไรหลายๆอย่างบนโลกใบนี้ มันเป็นแค่ภาพลวงตา มันเป็นเกมส์ชีวิตที่ต้องทุกคนต้องลงมาเล่น แล้วแต่ใครจะเลือกใช้ชีวิตแบบใหน

จะอยู่กันแบบหรูหราฟู่ฟ่าหลอกตัวเองไปวันๆ
จะอยู่กันเป็นพวกมนุษย์เงินเดือน ที่วิ่งตามหาฝันทุกวันเรื่อยไป

หรือว่าจะอยู่กันแบบเรียบง่าย เอาแค่มีกินมีใช้ ไม่เป็นหนี้ใคร 
เสาร์-อาทิตย์ มีเวลาบอกรักกับคนที่บ้าน
เสาร์-อาทิตย์ ได้มีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก

ชีวิตทุกอย่าง เราเลือกได้ เราเป็นคนกำหนด เลือกสิ เลือกว่าจะทำแบบใหน จะเดินทางสายใหน ชอบสิ่งใหน รักสิ่งใหน อยากเป็นสิ่งใหน เลือกเอา...

เสาร์-อาทิตย์ ลองเลิกรับสาย เลิกเมาส์แตกกับเพื่อนดีมั๊ย
โทรหาใครสักคนที่ห่างไกล เพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้จะมาถึงหรือเปล่า
สำหรับใครที่โชคดีที่คนรัก พ่อแม่ อยู่ใกล้ เสาร์-อาทิตย์  เอาเวลาเหล่าหนี้ไปใส่กับคนที่เรารัก กับพ่อแม่ อย่ามัวแต่หลงระเริงกับชีวิตไปวันๆ เพราะเมื่อวันที่เขาไม่อยู่ อะไรหลายๆอย่างมันเรียกเอากลับคืนมาไม่ได้

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมาถึงหรือเปล่า
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเมื่อวันที่เขาไม่อยู่ เราก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง น้ำตาที่ไหลออกมามันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วหละ

ว่างๆเสาร์-อาทิตย์ อย่าปล่อยให้คนแก่เหงา โศกเศร้าและเดียวดาย บอกรักเขาอยู่เรื่อยๆ อย่าบอกรักแต่แค่ใน Facebook หรือ Internet มันไร้สาระ ไม่มีใครมาอ่านมาสนใจหรอก

อย่ามัวแต่จะบอกรักพ่อกับแม่ แค่วันพ่อ หรือวันแม่ แค่ปีละครั้ง 
เพราะทุกๆวัน มันคือวันพ่อและวันแม่ไม่ใช่เหรอ...

Saturday, January 16, 2016

สอนให้ชาวประมงให้ตกปลา


มีบ่อยครั้งมั๊ยที่คนใกล้ตัวมาขอความช่วยเหลือ นั่น นี่ โน่น ตลอด 

ไม่มีก็ขอ ไม่มีก็ขอ...

เพราะการขอมันของ่ายๆ ไม่ได้แบมือขอเหมือนสมัยก่อน ไม่ต้องเจอหน้า ไม่ต้องโดนเทศนา เพราะสมัยนี้ "คนชอบขอ" เขาขอกันทาง social network, ขอกัน ทาง LINE ขอกันทาง Facebook

เอะอะอะไรก็ขอละ "หมุนไม่ทัน"

จริงๆแล้วพวกที่ชอบอ้างว่า "หมุนไม่ทัน" อะไรเนี๊ยะ ถ้าคนเรามันมีน้อย ใช้น้อยค่อยบรรจงนะ ปากไม่กี่ปาก ท้องไม่กี่ท้อง มันจะไม่พอกินกันเลยเหรอ ก็หัดอยู่กันแบบพอเพียงและเพียงพอกันสะมั่งสิ อยู่กับธรรมชาติ ใช้เท่าที่เรามี สิ่งใหนไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ไม่ต้องไปวิ่งตามกระแสสังคมอะไรต่างๆนาๆ มันก็น่าจะอยู่ได้นะ อาจจะไม่เลิศหรูอะไร แต่ก็คงไม่อดตาย 


หาของเล่นให้ลูก ก็ทำไปสิ ม้าก้านกล้วย ทำไมจะต้องเป็น iPad ทำไมจะต้องเป็น tablet ด้วย ไม่เข้าใจ.... ก็ยังไม่เคยเห็นข่าวว่าเด็กตายเพราะไม่ได้เล่น tablet นะ พวกที่ชอบซื้อของเล่นแพงๆให้ลูกหนะ พวก "พ่อแม่รังแกฉัน" หรือเปล่า

ส่วนสำหรับคนทำธุรกิจ พวกที่ชอบบอกว่า "หมุนไม่ทัน" เพราะต้องการอะไรเพิ่มมาต่อเติม มาทำธุรกิจ ถ้าธุรกิจไม่ดี ก็ดูแลลูกค้าสิ ใส่ใจลูกค้าสิ สินค้าดี บริการดี ทุกๆอย่างมันก็ต้องดีขึ้น อาจจะใช้เวลาหน่อย ไม่ใช่วันๆมัวแต่เล่นมือถือกันอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ตั้งใจทำมาหากินอะไร แล้วก็ชอบบอกว่า "หมุนไม่ทัน"

การช่วยเหลือทุกสิ่งอย่าง มันก็ต้องมีกำหนดและกฎเกณฑ์ ถ้าช่วยไปแล้ว เขารู้จักเอาไปหมุน เอาไปต่อยอด มันก็น่าช่วย แต่ถ้าช่วยไปแล้ว เหมือนถมดินลงทะเล เพราะดูพฤติกรรมแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ไม่เห็นอยากจะช่วยตัวเองเลย เพราะว่า "ขอ" สะจนเคยชิน ยังใช้ชีวิตเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าคนเรามันไม่พอกิน มันก็ต้องมีการเปลียนแปลง lifestyle กันมั่งสิ ถ้ายัง กิน เล่น เที่ยว เหมือนเดิมแล้วมันจะไหวอะไรเนี๊ยะ

เหนื่อยนะ กับการที่ต้องเป็นผู้ให้ตลอด...

อยากนะ อยากจะช่วย อยากจะให้ แต่มันก็มีขอบเขต

อยากที่จะสอนชาวประมงให้หัดตกปลากินเอง ไม่อยากที่จะหยิบยื่นปลาให้ตลอดเหมือนที่เคยทำมา เพราะถ้าเราคอยแต่จะหยิบยื่นปลาให้เขาตลอด ชาวประมงเองก็คงจะตกปลากินเองไม่เป็นสักที

เป็นชาวประมงตกปลา มันก็คงมีบ้างที่บางวันก็อาจจะได้ปลาเยอะ หรือบางวันที่อาจจะไม่ได้ปลาเลยก็ได้ ถ้าวันใหนตกปลาไม่ได้แล้วค่อยแวะมาเอาปลากับคนอื่นสิ แต่ก็อย่าแวะมาเอาปลาบ่อยจนเป็นนิสัย เพราะถ้าแวะมาเอาปลาบ่อยๆ ตัวชาวประมงเองก็คงจะตกปลาเองไม่เป็นสะที

วันนี้ชาวประมงไปตกปลากันหรือยังเอ่ย หรือว่าเป็น พวกนอนตื่นสาย พวกอายหากิน พวกหมิ่นเงินน้อย พวกนอนคอยวาสนา...

Friday, January 15, 2016

ปล่อยลมหายใจทิ้งไปวันๆ


ไม่ว่าที่ออสเตรเลียหรือที่ใหนๆก็มักจะมีคนบางจำพวกคือ พวกที่ "หายใจทิ้งไปวันๆ" คนพวกนี้เหรอ ชีวิตพวกเขาจะมีข้ออ้าง นั่น นี่ โน่น ชีวิตไม่เคยทำความผิดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันผิดพลาด มันเป็นความผิดของคนอื่นหมด ไม่ใช่ความผิดของเขา เขาไม่ผิด

พวกนี้จะชอบมีข้ออ้างว่า เขาหางานไม่ได้ก็เพราะว่าคนไม่จ้างเขา แต่เขาไม่ได้มองย้อนกลับและคิดเลยนะว่า การที่คนเราจะหางานได้มันต้องมีทักษะ มีความรู้ และมีลักษณะบุคลิกที่คล่องแคล่ว

ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความรู้อะไร เรียนอะไรก็ไม่จบ ไม่เคยขวานขวายหาอะไรทำ หาความรู้ใส่ตัว วันๆนั่งอยู่ที่บ้านสุบบุหรี่ ดื่มเบียร์ เมาส์แตกกับคนประเภทเดียวกัน พวกประเภท "หายใจทิ้งไปวันๆ" ถ้าเขาอยู่กันแบบนี้ วงจรวิถีชีวิตแบบนี้ ชีวิตเขาก็คงวนเวียนอยู่กันแบบนี้แหละ โดยเฉพาะที่ออสเตรเลียที่พวกคนตกงาน พวกไม่มีงานทำ พวกรายได้ต่ำจะได้รับเงินสวัสดิการสังคมจากรัฐบาล พวกนี้ก็จะเกาะกินรัฐบาลไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยคิดที่จะทำอะไรกัน

คนประเภทนี้เหรอ วันๆก็เอาแต่ได้สุมหัวกันคุยกันเรื่องไร้สาระไปวันๆ ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรให้ชีวิตมันงอกเงยขึ้นมาเลย ไม่ต่างจากพวกบัวใต้น้ำ

ถ้าไม่มีความรู้ หางานไม่ได้ ก็ไปเรียนเพิ่มสิ โดยเฉพาะที่ออสเตรเลียรัฐบาลส่งเสริมการเรียนอยู่แล้ว รัฐบาลมีสวัสดิการให้เรียนฟรีเยอะแยะ แต่พวกนี้ก็เลือกที่จะไม่ไปเรียนกัน

ถ้าหางานไม่ได้ ก็ต้องดูบุคลิกตัวเองสิ ว่าแต่งตัวยังไง สามารถ present ตัวเองให้กับนายจ้างได้มั๊ย ถ้าพุงมันโย้กินเนื้อที่ทำงาน เดินเหินไม่คล่องตัว ถ้ามามัวกินๆนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน แล้วพุงมันจะยุบมั๊ยหละ ไม่ได้ว่าคนพุงโย้นะ แต่อยากพูดถึงบุคลิกคนส่วนรวม total image และก็ people mindset ก็แค่นั้นเอง เพราะยังไงเสียเวลาคนเราไปสมัครหรือหางานทำ 100 ทั้ง 100 บอกได้เลยว่า นายจ้างเขาดูที่รูปร่างและบุคลิกด้วย ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องสวย แต่ต้องดูดี มีบุคลิก นี่คือโลกของความเป็นจริงในการหางานทำ ในการที่อยากจะให้คนจ้างเราทำงาน เล็กๆน้อยๆที่หลายๆคนมองข้ามกัน ถ้าแต่งตัวม่อซ่อ ผมเผ้ารุงรัง อยากจะรู้ว่าจะมีคนมาจ้างเขาไปทำงานมั๊ย


สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ถ้าคนเราไม่คิดที่จะปรับปรุงตัวเองนะ ก็บอกได้เลยว่า พวกนี้เกิดมาเสียเวลาจริงๆ ชีวิตมันดูไร้ค่า ไม่มีจุดหมาย ปล่อยวันๆให้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ดูๆแล้วมันก็น่าสมเพชจริงๆนะ คนประเภทนี้

สิ่งที่เราทำได้ในแต่ละวันก็คือ เดินถอยห่างจากคนประเภทนี้ เดินเลี่ยง ไม่ขอสุงสิง