Saturday, February 27, 2016

เหนื่อย เมื่อย และล้า


มีหลายครั้งเหลือเกินที่รู้สึกว่าเราเหนื่อย เมื่อย และก็ล้า 

มันรู้สึกเหนื่อย เมื่อยกับหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบและการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน 

มันเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนและต่อสู้ แกร่งแย่งแข่งขัน ทั้งกับเวลาและกับตัวเราเอง

มันก็มีบ้างเป็นบางอารมณ์ที่เราอยากจะใช้ชีวิตเรียบง่าย slowlife ไปอยู่ตามป่า ตามเขา ตามดง ใช้ชีวิตแบบบ้านไร่ บ้านนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์มันคงจะดีไม่น้อย

พวกคนที่เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ตามเมืองรอบนอก อยู่ตามชนบท เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าชีวิตพวกเขานั้นมันโชคดีขนาดใหน

คนสังคมเมืองก็อยากจะไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามเมืองรอบนอก แต่ในขณะเดียวกัน คนตามเมืองรอบนอก ตามชนบทก็ไขว่ขว้าและอยากที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองกันจังเลย

นี่แหละนะชีวิตมนุษย์ รู้สึกว่าเราไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เรามีกันเท่าไหร่ มันรู้สึกว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม กับ "ความต้องการ" และ "ความอยาก" อยากจะได้โน่น อยากจะได้นี่ 

เมื่อไหร่นะคนเราจะรู้จักคำว่า "พอ" คำว่า "พอ" ที่มันพอจริงๆ

คนเรานะถ้ามันมีความต้องการ มีความอยากที่น้อยลง คนเราก็คงไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนอะไรกันมากมาย คิดว่าชีวิตที่มันรู้จักคำว่า "พอ" จริงๆ มันก็คงจะเป็นอะไรที่มีความสุขจริงๆได้เช่นเดียวกัน...

Sunday, February 21, 2016

ประสบการณ์การใกล้ความตาย


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลของออสเตรเลีย ได้มีการฉีดยาสลบ และหมอก็ได้ทำการผ่าตัด

ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราก็มีการพูดคุยกับหมอ พอเข้าไปในห้องผ่าตัดดูเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างมันยั้วเยี๊ยะเต็มไปหมด พอได้มีการฉีดยาสลบ หลังจากตื่นมาอีกทีหนึ่งเราก็อยู่ที่ Recovery Unit หรือแผนกพักฝื้น

ช่วงที่อยู่แผนกพักฝื้น เราก็แบบว่าค่อยๆตื่นมาแบบสลึมสลือ ก็ประมาณว่า รู้สึกตัวตอนก่อนโดนฝ่าตัด เกิดอะไรขึ้นในระหว่างนั้นเราไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีคือทุกอย่างมันเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างมันจบลงแล้ว จากคนที่เยอะอยู่ในห้องผ่าตัด เหลือแค่หมอแค่ 1-2 คนเองอยู่ที่ห้องพักฝื้น 

มันเหมือนกับว่า นี่มันเป็นประสบการณ์ใกล้ความตายอีกอย่างหนึ่ง เพราะอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่เราหลับ หรือสลบ เพราะตื่นมาอีกที มันก็เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง อาจจะด้วยฤทธิ์ของยาสลบก็เป็นได้ ทุกอย่างมันดูคลุมเครือไปหมด

การตื่นฟื้นขึ้นมาคราวนี้ มันดูเหมือนว่า นี่เป็นการตื่นขึ้นมาผจญโลกอีกรอบหนึ่ง ประหนึ่งเหมือนว่าตายแล้วเกิดใหม่อะไรประมาณนี้ เพราะว่าตอนที่เข้าไปก็เป็นคนอีกคนหนึ่ง พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็กลายเป็นคนใหม่ แต่อย่าลืมว่าในช่วงเวลาที่เรานอนสลบอยู่นั้นอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าหากหลับแล้วไม่ตื่นหละ? 

จริงๆแล้วก็คงไม่เป็นไร เพราะมันก็ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร เพราะตอนเข้าไป นอนๆอยู่ หมอฉีดยา เราก็ค่อยๆหลับลงไปเลย ถ้าเราจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย มันก็คงไม่เป็นไร

ประมาณว่าทุกอย่างมันอยู่ที่หมอแล้วหละตอนนี้ จะรอดหรือจะไม่รอด แต่ที่ผ่านมาทีมงานของคุณหมอก็ทำได้ดี และอยากจะบอกว่าการผ่าตัดในแต่ละครั้งหนะ ใช้บุคลากรเยอะมากหลายคนในการที่รักษาเราแค่คนเดียว จากประสบการณ์ของการผ่าตัดมันทำให้เรารู้สึก appreciated คนทุกคนของโรงพยาบาลว่าเขาทำงานกันเต็มที่จริงๆ กับแค่คนไข้แค่คนเดียวเองนะ

อยากจะรู้ว่าจะมีสักกี่คนเองนะที่รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุญของคนเหล่านี้ เพราะการที่เรามาใช้บริการของโรงพยาบาลของรัฐที่ออสเตรเลีย ทุกอย่างมันก็ฟรีอยู่แล้ว จะมีสักกี่คนที่พูดคำว่า "ขอบคุณ" และ "ขอบใจ" ให้กับคนทำงานที่นี่ด้วยใจจริง

เรามาคราวก่อน เราส่ง thank you card มาให้พวกพยาบาลที่ดูแลเราวันนั้น แต่คราวนี้ฝ่าตัดใหญ่ และมีอะไรหลายๆอย่างที่ประทับใจ คราวนี้ขอเป็นดอกไม้ส่งไปให้เลยก็แล้วกัน เพราะคิดว่าเป็นอะไรที่น้อยนิดมาก ถ้าเผื่อจะเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายจริงๆของการฝ่าตัด และการทำงานทำงานที่เอาจริงเอาจังกับหมอและพยาบาลที่นี่...

Tuesday, February 16, 2016

คนไม่แก่ ก็ขี้น้อยใจนะ


ก็มีบ้างเป็นบางทีที่คนเรามัวแต่ทำนั่น นี่ โน่น ยุ่งและวุ่นวายอยู่กับชีวิตของเขา เพราะทุกชีวิตมันคือการแข่งขัน คนเราได้เกิดมาแล้วมันก็ต้องดิ้นรน

เมื่อไม่นานมานี้ เราก็ได้ไปพูดคุยกับพี่คนหนึ่งซึ่งเราก็รู้จักกันมานานแล้ว พี่คนไทยคนนี้เป็นคนมีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มสังคมคนไทยในเมืองระแวกนี้ พี่เขาก็ได้บ่นนิดๆเป็นเชิงน้อยใจเหมือนกับว่า ชีวิตเราเป็นเรือจ้าง ส่งคนถึงฝั่งแล้วคนก็ลืม

อ้าว.... สรุปคือน้อยใจนั่นแหละ

ใครบอกว่าเฉพาะคนแก่เท่านั้นที่ขี้น้อยใจ ไม่จริ๊ง ไม่จริง คนไม่แก่ก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน

ดังนั้น เราทุกคนก็ไม่ควรที่จะปล่อยปละละเลย กับใครสักคนที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ติดต่อกับไปบ้าง อย่าปล่อยให้ระยะทางและเวลามันทำให้คนเรามันห่างเหิน

ก็ไม่ต้องจำเป็นต้องถึงแบบว่า "บุญคุณต้องทดแทน" อะไรแบบนั้น ไม่ใช่ เอาแค่ว่า "ยังไม่ลืม" ก็พอ นานๆทีติดต่อมา ส่งข้อความมา นั่น นี่ โน่น เล็กๆน้อยๆ แค่นี้ก็พอเป็นยาชะโลมใจให้ใครบางคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดต่อทุกวัน ทุกอาทิตย์

นานๆ ตึ๊ดๆมาที มันก็ดีกว่าที่ไม่เคยตึ๊ดๆมาเลย...

อย่าปล่อยให้แก้วมันร้าว เพราะแก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก

แต่ถ้าไม่ได้สนใจใยดีแก้วใบนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่อยากให้มันร้าว ก็หมั่นถนุถนอมนิดหนึ่ง เพราะของบางอย่างมันเรียกคืนมาได้ยาก

Sunday, February 14, 2016

ลูกเทพ โง่ งมงาย ไม่เชื่อและขอลบหลู่


ถึงแม้เราจะอยู่เมืองนอกก็เถอะ เราก็ได้เห็นกระแสลูกเทพใน Internet เพราะมีการลงข่าว ไม่ว่าจะเป็นที่ CNN หรือสำนักข่าวหลายๆที่

เห็นแล้วรู้สึกอายจัง อายกับความโง่เขลา และความงมงายของคน คือแบบว่าคนเรามันหมดที่พึ่งทางใจกันขนาดนี้แล้วเหรอเนี๊ยะ ถ้าต้องการที่พึ่งทางใจทำไมไม่ไปวัด ไปโบสถ์กันหละ จะนับถือศาสนาอะไรก็ว่าไป แต่ต้องไม่ใช่ไอ้ลูกเทพอะไรนี่ โง่กันจริง

คนที่หมดเงินไปกับการบูชาลูกเทพ นี่ก็เป็นผลาญเงินอีกแบบหนึ่ง อยากโง่เองก็ช่วยไม่ได้นะ ตามสบายก็แล้วกัน

คนที่หากินกับลูกเทพก็ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เออ เอาเถอะ น้ำกำลังขึ้นให้รับตักก็แล้วกัน เพราะของอย่างนี้คงไม่จีรังยั่งยัน เดี๋ยวก็คงซบเซาลงไปเอง 

ส่วนพระคุณเจ้าทั้งหลายที่มีการปลุกเศกลูกเทพแล้วบอกว่า มันไม่ต่างอะไรกับการเจิมรถ เจิมบ้าน เออ นั่นนะสินะ จริงๆแล้วศาสนาพุทธก็ไม่ได้สนับสนุนอะไรมากมายกับการเจิม ไม่เจิมอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ ศาสนาพุทธที่แท้จริงต้องมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติสิ ทำไปสิทำยังไงถึงจะหลุดพ้น ไม่ใช่มานั่งเสกนั่น นี่ โน่น ให้คนเขางมงายกัน

เฮ้อ.... เบื่อนะที่จะต้องกลายมาเป็นฆารวาสสอนพระเนี๊ยะ

ส่วนคนที่ชอบเอาพวกลูกเทพมาลง  social media มาอวดอ้าง ก็เอาเถอะ เพราะนั่นมันคือการประจานว่าตัวเองโง่ และงมงาย ยิ่งลงเยอะ อวดเยอะ ก็แสดงว่าโง่เยอะ

ส่วนพวกดารา คนดังอะไรทั้งหลายแหล่ก็เหมือนกัน เอาเถอะถือว่าเป็นการประจานตัวเอง ว่าช่างโง่และงมงายกันสะจริงๆ เสียดีที่เป็นคนดัง ควรจะทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ใช่เอาลูกเทพมาออกสือ น่าระอายจริงๆ

หลายคนบอกว่าชีวิตดีขึ้นหลังจากได้มีการบูชาและขอพรจากลูกเทพ แหม... โง่อีกหละ ถ้าอยากให้ชีวิตดีมีสุข ก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไปสิ ถือศีลกินเจอะไรก็ว่าไป ชีวิตมันก็คงจะดีขึ้น จะมามัวกราบไว้ขอพรอะไรเนี๊ยะจากตุ๊กตา เออ โง่จริง

ไม่รู้นะ หลายๆคนบอกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

เอ่อ.... เราไม่เชื่อ และก็ขอลบหลู่ ก็ขอบอกว่า พวกเธอช่างโง่เขลาจริงๆ สมองคงมีหยักน้อย ไม่เป็นไรจ๊ะ เข้าใจว่าพระท่านให้มาไม่เท่ากัน...

จะคอยดูว่ามันจะฮิตกันไปได้สักเท่าไหร่กันเชียว ชักจะเบื่อเต็มทนละ

Sunday, February 7, 2016

อย่าทิ้งให้คนแก่เหงา โศกเศร้าและเดียวดาย


หลายคนละทิ้งชีวิตที่เมืองไทย เพื่อมาแสวงหาชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ แต่ยังไงก็เถอะ ก็อย่าลืมคนที่เราทิ้งไว้เบื้องหลังนะครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย อย่าปล่อยให้เขาเหงา โศกเศร้าและเดียวดาย

ติดต่อกลับไปมั่ง โทรกลับไปมั่ง เพราะพ่อแม่นั้นมีแต่จะแก่เฒ่านะ วันเวลาบางอย่างมันเรียกเรากลับคืนมาไม่ได้

หลายๆคนหลงระเริงกับชีวิตอิสระ ชีวิตเมืองนอก วันๆหมดไปกับการ กิน เที่ยว เล่น ใช้ชีวิตกับการหาความสุขที่มันไม่จีรังยั่งยืน 

เนื่องด้วยการงานและอะไรหลายๆอย่างที่เราทำ ชีวิตคนไทยในเมืองนอกเหรอ เราเห็นมาแล้วแทบทุกรูปแบบ 

หลายๆคนก็ทำงาน หามรุ่งหามค่ำ เสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ยอมหยุดกัน ด้วยเพราะว่าต้องการที่จะทำเงิน ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง คนเราขยันทำมาหากินมันก็ดีนะ แต่ก็อย่าลืมว่า ท้ายที่สุดแล้วอะไรที่สำคัญในชีวิต เงินทอง หรือว่าเวลาและความอบอุ่นที่เราควรจะมอบให้กับใครสักคน.... คนที่เรารัก

อย่าอ้างแค่เพราะว่า "ยุ่ง" หรือว่า "ต้องทำงาน" เพราะสุดท้ายแล้วเงินทองที่หามาได้ ตายไปเราเอาอะไรไปไม่ได้สักบาท เกิดมาตัวเปล่า เราก็ไปตัวเปล่า

อะไรหลายๆอย่างบนโลกใบนี้ มันเป็นแค่ภาพลวงตา มันเป็นเกมส์ชีวิตที่ต้องทุกคนต้องลงมาเล่น แล้วแต่ใครจะเลือกใช้ชีวิตแบบใหน

จะอยู่กันแบบหรูหราฟู่ฟ่าหลอกตัวเองไปวันๆ
จะอยู่กันเป็นพวกมนุษย์เงินเดือน ที่วิ่งตามหาฝันทุกวันเรื่อยไป

หรือว่าจะอยู่กันแบบเรียบง่าย เอาแค่มีกินมีใช้ ไม่เป็นหนี้ใคร 
เสาร์-อาทิตย์ มีเวลาบอกรักกับคนที่บ้าน
เสาร์-อาทิตย์ ได้มีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก

ชีวิตทุกอย่าง เราเลือกได้ เราเป็นคนกำหนด เลือกสิ เลือกว่าจะทำแบบใหน จะเดินทางสายใหน ชอบสิ่งใหน รักสิ่งใหน อยากเป็นสิ่งใหน เลือกเอา...

เสาร์-อาทิตย์ ลองเลิกรับสาย เลิกเมาส์แตกกับเพื่อนดีมั๊ย
โทรหาใครสักคนที่ห่างไกล เพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้จะมาถึงหรือเปล่า
สำหรับใครที่โชคดีที่คนรัก พ่อแม่ อยู่ใกล้ เสาร์-อาทิตย์  เอาเวลาเหล่าหนี้ไปใส่กับคนที่เรารัก กับพ่อแม่ อย่ามัวแต่หลงระเริงกับชีวิตไปวันๆ เพราะเมื่อวันที่เขาไม่อยู่ อะไรหลายๆอย่างมันเรียกเอากลับคืนมาไม่ได้

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมาถึงหรือเปล่า
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเมื่อวันที่เขาไม่อยู่ เราก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง น้ำตาที่ไหลออกมามันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วหละ

ว่างๆเสาร์-อาทิตย์ อย่าปล่อยให้คนแก่เหงา โศกเศร้าและเดียวดาย บอกรักเขาอยู่เรื่อยๆ อย่าบอกรักแต่แค่ใน Facebook หรือ Internet มันไร้สาระ ไม่มีใครมาอ่านมาสนใจหรอก

อย่ามัวแต่จะบอกรักพ่อกับแม่ แค่วันพ่อ หรือวันแม่ แค่ปีละครั้ง 
เพราะทุกๆวัน มันคือวันพ่อและวันแม่ไม่ใช่เหรอ...