Sunday, February 19, 2017

ไม่ง่ายเลยนะ กับก้าวแรกๆ


"ไม่ง่ายเลยนะ"

กับใครคนหนึ่ง ที่ชีวิตเขาทำแต่งาน
งาน งาน งาน และก็ งาน


หรือไม่ ก็
เรียน เรียน เรียน และก็ เรียน

ที่ตอนนี้ พอตื่นตอนเช้า
เขาเลิกที่จะทำอะไรเพื่อตัวเขาเองก่อน

เขาเลือกที่จะ ตื่นขึ้นมา
แล้วออกกำลังกายก่อน
อ่านหนังสือก่อน หนังสือพวกธุรกิจมั่ง หนังสือพวก self improvement มั่ง

แทนที่จะตื่นปุ๊บ
นั่งหน้า computer ปั๊บ
ทำงานทันที

มันไม่ง่ายเลยนะ ที่คนเราต้องมาเปลี่ยนแปลง lifestyle แบบนี้

แต่ทุกอย่างมันก็คือ baby step ใช่มั๊ย
ทุกอย่างมันต้องมีก้าวแรก

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ทุกอย่างในชีวิต มันก็จะยังเหมือนเดิม
same same ไปตลอดชีวิต

นั่งๆ นอนๆ อยู่
กล้ามคงไม่ขึ้น
6 pack คงไม่มาเอง

เอาหนะ ได้นะได้
ไหวนะ

ขอทำอะไรเพื่อตัวเราเองก่อนนะ
ก่อนที่จะทำอะไร เพื่อคนอื่น

อาจจะยากในช่วงแรกๆ
แต่เราคิดว่า ทำๆไป เดี๋ยวทุกอย่างคงจะเริ่มเป็น routine
ทุกอย่างคงจะเริ่มเป็นระบบ

แต่เราก็มั่นใจว่า
ทุกสิ่งอย่าง ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ทุกสิ่งอย่าง กำลังค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เราต้องการและอยากให้เป็น

ไม่ง่ายเลยนะ 
กับการก้าวแรกๆ ของการเปลี่ยนแปลง 
แต่ถ้าหากเรามั่นใจว่า มันเป็น "ก้าวที่กล้า" 

กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง 
เราก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป

...ก็เพราะชีวิต คือการเดินทาง...

Sunday, February 12, 2017

ตื่นขึ้นมาเพื่อตัวเราเองบ้าง


หลายๆคนตื่นตอนเช้ามาเพื่อคนอื่น

ตื่นเช้ามาก็เร่งรีบไปทำงาน ทำงานเพื่อคนอื่น
หรือไปส่งลูกที่โรงเรียน นั่นก็เป็นการทำอะไรเพื่อคนอื่นเหมือนกัน

เข้าใจแหละว่า การไปส่งลูกไปโรงเรียน มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่

เข้าใจแหละว่าการตื่นขึ้นมาแล้วเราต้องเตรียมตัวไปทำงาน มันเป็นหน้าที่ เพราะคนเราก็ต้องทำมาหากิน

แต่ที่เรากล่าวมาข้างบนเนี๊ยะ มันเป็นการทำอะไรเพื่อคนอื่นทั้งนั้น

หลายๆคนตื่นขึ้นมา แล้วทำ นั่น นี่ โน่น เพื่อคนอื่นก่อน
ส่งลูกไปโรงเรียนก่อน
ไปทำงานก่อน

แล้วเวลาที่เหลือค่อยมาทำอะไรให้กับตัวเอง

มาทำธุระให้กับตัวเองตอนที่ลูกนอนแล้ว
มาทำธุระให้กับตัวเองหลังจากที่ทำงาน ที่ทำอะไรต่อมิอะไรให้กับคนอื่น

แสดงว่าเราให้ค่าตัวเราเอง น้อยกว่าคนอื่นหรือเปล่านะ

แล้วถ้าเราลองกลับกันหละ

ตื่นแต่เช้า
เปลี่ยนนิสัยการนอน
ตื่นมาก่อนที่ลูกๆจะตื่น

แล้วทำอะไรให้กับตัวเองก่อน
ใครใคร่นั่งสมาธิ ก็นั่งไป คือเป็นการรวบรวมพลัง และ focus ว่า วันนี้เราจะทำอะไรบ้าง

เอาเวลาเงียบๆตอนเช้า ไม่มีคนรบกวน มาออกกำลังกาย
เป็นการทำอะไรเพื่อตัวเอง
เพื่อสุขภาพร่างกายเรา ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด

หรือไม่ก็อ่านหนังสือตอนเช้า
คนเราก็ต้องมีการพัฒนาตัวเอง
ไม่งั้นเราก็จะย่ำอยู่กับที่

ถ้าเราตื่นเช้าเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เร็วขึ้นกว่าปกติ
นั่นคือ 1 ชั่วโมงที่เราได้ทำอะไรให้กับตัวเราเอง
ทำอะไรเพื่อเป็นการพัฒนาตัวเราเอง
ได้ทำตั้งแต่เช้า
ได้เป็นสิ่งแรกที่ทำของวัน

แสดงว่า เราได้ให้ความสำคัญแก่ตัวเราก่อนคนอื่น

ดีกว่าที่จะทำอะไรต่อมิอะไรทั้งวัน แล้วเอาเวลาก่อนนอน มาทำอะไรเพื่อตัวเอง อ่านหนังสือตอนง่วงๆ อะไรมันก็คงไม่ work

ถ้าหากเราสามารถเปลี่ยนเวลานอนให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง
แล้วเปลี่ยนเวลาตื่นนอนให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง
แล้วเราใช้เวลา 1 ชั่วโมงที่ว่านี้ ทำอะไรให้กับตัวเราเองบ้าง

ชีวิตเราก็น่ามีคุณค่า
ดูมีจุดหมายมากขึ้นนะ

เราก็ไปทำงานตามปกติ
ส่งลูกไปโรงเรียน ทำหน้าที่ พ่อแม่ตามปกติ

หน้าที่ การงาน ก็ไม่บกพร่อง
เพียงแต่ลำดับของเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป

...คือ...

เราตื่นขึ้นมาแต่เช้า แล้วทำอะไรให้กับตัวเราก่อน
อ่านหนังสือ
ออกกำลังกาย

แล้วเวลาที่เหลือของวันนั้น เราถึงทำอะไรให้กับคนอื่น

มาตื่นเช้ากันเถอะครับ

เปลี่ยนนิสัยการนอน
เปลียนนิสัยการตื่น

เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 1-2 วัน
แต่ถ้าเราค่อยเปลี่ยนแปลงไป
ด้วยจิตใจและจุดหมายที่แน่วแน่
เราคิดว่า มันก็ทำได้นะครับ

ตื่นขึ้นมาเพื่อตัวเองบ้าง

ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง

เห็นคุณค่าของตัวเองก่อน
ก่อนที่จะทำอะไร เสียเวลาอะไรไปทั้งวั้นให้กับคนอื่น

รักตัวเองให้มาก...

Sunday, February 5, 2017

จุดเริ่มต้น


ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา
มันต้องมีจุดเริ่มต้น

อะไรหลายๆอย่างมันต้องค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย

ถ้าหากคุณต้องการมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น
คุณเริ่มลดงานของคุณทีละเล็กทีละน้อยหรือยัง
คุณเริ่มที่รับสายโทรศัพท์ลูกค้าน้อยลงหรือยัง
คุณเริ่มปฏิเสธงานบางตัวที่คุณคิดว่าทำแล้วคงไม่คุ้มเหนื่อยหรือยัง

กับโลก online ที่ทำให้คนเราติดต่อสื่อสารกันได้ 24 ชั่วโมง
คุณเลิกหรือยังว่าเวลาใหนที่ต้องทำงาน เวลาใหนที่ต้องให้ครอบครัว ให้คนที่เรารัก

ถ้าหากวันนี้คุณต้องการมีสุขภาพที่ดี
ok แหละ เราอาจจะไม่มีเวลาไป gym เหมือนชาวบ้านเขา
เราเริ่มหรือยังจากการค่อยๆเปลี่ยนแปลง lifestyle
จากการที่จอดรถไว้ไกลที่หมายนิดหนึ่ง แล้วเดินต่อไปอีกนิดหน่อย

ร่างกายเราอาจจะไม่พร้อมที่จะต้องออกวิ่งหรือ jogging ทุกวัน
เราเริ่มหรือยังจากการเดินก่อน เดินระยะทางเท่ากับระยะทางที่เราต้องการวิ่ง

นี่ก็เป็นการ train ร่างกายให้พร้อม ไม่ใช่จู่ๆลุกขึ้นมาวิ่งเลย จากคนที่ไม่เคยวิ่งออกกำลังกายมาหลายๆปี ถ้าทำแบบนั้นร่างกายก็คงรับไม่ไหว

แล้วถ้าหากอยากมี 6 pack กับเขามั่งหละ (6 pack ไม่มี "s" นะครับ)
แต่เราเองก็ค่อยเวลาที่จะไป gym เหมือนชาวบ้านเขาเลย

ก็เอาเป็นว่า หา clip หาข้อมูลการ train การออกกำลังกายง่ายๆจาก YouTube ก่อนก็แล้วกัน

เริ่มจาก baby step ก็แล้วกัน

เพราะทุกอย่างมันต้องการเริ่มต้น
มันต้องมีจุดเริ่มต้น

เริ่มจากเล็กๆแน่แหละ

และที่แน่ๆคือทุกจุดเริ่มต้นมันจะยากเสมอ แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ ทำจนเป็นนิสัย เราเชื่อว่า ทุกสิ่งอย่างจะเริ่มหันเห ไปในทิศทางที่ดีขึ้น

หากวันนี้เราทำอะไรเดิมๆ
ชีวิตเราก็จะยังเป็น "แบบเดิมๆ"

ถ้าหากเราไม่อยากมีชีวิตแบบเดิมๆ เราก็ต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา

ลองทำอะไรใหม่ๆดู

เริ่มจากจุดเล็กๆ...

ของตาย


ชีวิตเราหลายๆคน
วุ่นวาย กับหน้าที่การงาน
กลับคำที่ว่า “ต้องทำมาหากิน”

ทุกสิ่งอย่างเหล่านี้ มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างหรือเปล่านะ...

คนเราหลายคน busy แล้วก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการดูแลลูกค้า
เวลาแต่ละวัน หมดไปกับ โทรศัพท์, ตอบ LINE ลูกค้า, ตอบ email ลูกค้า


ลูกค้า… ลูกค้า… ลูกค้า...
งาน… งาน… งาน...

แต่เขาลืมไปหรือเปล่านะว่า
จริงๆแล้วลูกค้าเหล่านี้คือ “คนไกลตัว” นะ

แต่คนที่ใกล้ตัวที่สุด คือคนในครอบครัวเรามากกว่า

คุ้มหรือเปล่า ที่เราต้องกลับบ้านมา เปิด laptop ทันที นั่งทำงานจนถึง 3 ทุ่ม

แล้วลูกก็มาบอกว่า goodnight daddy...


คนเราหลายคน อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเลย
คนเราหลายคน เห็นคนในครอบครัว เป็น “ของตาย”
เพราะเขาเหล่านั้นคิดว่า เป็นคนในครอบครัว อะไร ยังไงก็ได้


Take it for granted.
เราหลายๆคน เห็นคนในครอบครัวเรา เป็น “ของตาย”

หากชีวิตคนเราต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว
แล้วจุดประสงค์หรือเป้าหมายในชีวิตคนเรา เราทำงานไปเพื่ออะไรกันหรอ


ถ้าคำตอบคือ ทำงานเพื่อที่จะมีเงิน จับจ่าย ใช้สอยเยอะๆ
เพื่อที่จะได้ “มีเวลาอยู่กับครอบครัว”


แต่ถ้าเวลาที่อยู่กับครอบครัวแล้ว เรายัง busy และก็ยุ่งอยู่กับการทำงานของเราหล่ะ

แล้วแบบนี้เราจะเรียกว่า เราต้องการที่จะ “มีเวลาให้กับครอบครัว” ได้อย่างไร


อย่าเห็นคนที่บ้านหรือคนในครอบครัวของคุณเป็น “ของตาย” นะครับ

อย่ามัวแต่ทำงาน ทำมาหากิน มีเงินเยอะแยะมากมาย แต่ไม่มีเวลาให้กับคนใกล้ๆตัวของเรา

พวกเขาเหล่านี้ ไม่ใช่ “ของตาย”


หากเราตกอยู่ใน หลุมดำ เหล่านั้น ก็ควรที่จะรีบออกมาจากหลุมดำเหล่านั้นเสีย


การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแบบปุบปับ ทันทีทันใด


หน้าที่การงาน เราสามารถค่อยๆปรับเปลี่ยนได้
ทุกสิ่งทุกอย่าง เราสามารถค่อยๆปรับเปลี่ยนไป


อย่างเช่น เราอาจจะลดวันทำงานลง
หรือเราอาจจะเลือกรับงานให้น้อยลง
หรือว่าอาจจะมีวันที่เราปิดมือถือ หรือไม่ติดต่อลูกค้าไปเลยทั้งวัน


ชีวิตหน้าที่การงาน ถ้าหากทุกอย่างมันลงตัวแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไป ขวานขวายอะไรมากมาย

เราไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ขับรถหรูๆ แต่งตัวโก้ๆ

กางเกงขาสั้น เสื้อยึด รองเท้าแตะ ก็นั่ง business class ได้จ๊ะ

ของแบบนี้ มันเป็นของนอกกายทั้งนั้น

ถ้าหากเรามีอะไรที่แบบว่า มีพออยู่พอกิน รายได้มากกว่ารายจ่าย ไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร

ชีวิตแค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว

อย่าลืมนะครับ คนใกล้ตัวเรา คนในครอบครัว
สามีภรรยา ลูก พ่อ แม่ จะต้องมาก่อน สิ่งอื่นๆใด
เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ “ของตาย”...

Saturday, February 4, 2017

ข้ออ้าง


อย่าใช้ข้ออ้างว่า

“ต้องทำงาน”
“ต้องตอบ email ลูกค้า”
“ต้องรับโทรศัพท์ ลูกค้า”

แล้วเอาเวลาเหล่านั้นมาเบียเบียนเวลาของครอบครัว

บางทีเราก็ต้องรู้จักคำว่า “พอ”
“พอเพียง” และ
เพียงพอ”

“พอเพียง” และ 
เพียงพอ” มันไม่ใช่แค่อุดมการณ์ แต่มันสามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริงๆ


Ok… คนอาจจะบ่นไปบ้างว่า ติดต่อยาก ก็ปล่อยเขาไป
แต่จะสังเกตุว่า คนที่บ่นนั้น ไม่ใช่ลูกค้าของเราเลย
เป็นแค่คนที่สนใจ หรือต้องการข้อมูล

เพราะคนที่เป็นลูกค้า เราจะบริการอีกระดับหนึ่งอยู่แล้ว

หรือกับลูกค้าบางคน ก็คงต้องมีบ้างที่เราต้องค่อยๆคัดออกจากการเป็นลูกค้า

เพราะลูกค้าบางคนก็อาจจะ take up most of your time ก็ได้

ลูกค้า เราต้องเลือกได้สิว่าเราต้องการ deal งานกับใคร

หรือว่าคนใหนเราไม่ต้องการที่จะ deal งานด้วย

เพราะสุดท้ายแล้ว เรารู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต


ถูกต้องแล้วครับ เราต้องการ “เวลา”


เวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง
เวลาที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก
เวลาที่เราได้อยู่กับครอบครัวของเรา


เพราะเรารู้ว่า เวลา และสายน้ำ มันไม่มีวันย้อนกลับมาได้

ปีนี้ เป็นปีแห่งการ ลด ละ เลิก
scale down
พอเพียง และเพียงพอ อย่างแท้จริง


...
...
...

แล้วคุณหละ วันนี้คุณใช้ข้ออ้างเหล่านั้น แล้วทำให้มีเวลาให้กับตัวเอง และคนที่เรารักน้อยลงไปหรือเปล่า...