Thursday, April 13, 2017

ก็เพราะ พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอน


ช่วงที่เขียน blog อยู่นี้ เราอยู่ที่เมืองไทยนะครับ

ก็มีบ้างที่เราได้ออกไปทานข้าวนอกบ้าน ไปร้านอาหารอะไรต่างๆ นั่น นี่ โน่น

สิ่งที่เราได้สังเกตุเห็นก็คือ

โต๊ะอาหารบางโต๊ะ
มากัน 4 คน พ่อ แม่ และลูกอีก 2 คน

ทุกคนนั่งตรงกันข้ามกัน face-to-face
แต่ไม่มีใครคุยกันเลย

ทุกคนก้มหน้า เล่นโทรศัพท์มือถือ

เราก็แค่สงสัยและเกิด เครื่องหมายคำถาม ในหัวใจว่า 

คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ นั่งอยู่ตรงข้างหน้า แล้ว
แต่คุณเลือกที่จะไม่สนทนากับเขา

คุณเลือกที่จะสนทนา อะไร กับใครก็ไม่รู้ ที่บางทีอาจจะอยู่ซีกหนึ่งของโลกก็เป็นได้

หรือติดตาม ข่าวสารข้อมูลของ ดารา คนดัง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว คุณก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเขาเป็นการส่วนตัวเลย

ทำไมหละ คนเราถึงไม่คิดว่า เวลาบนโต๊ะอาหารทานข้าวเนี๊ยะ มันต้องเป็นเวลาของครอบครัวสิ

มันต้องเป็นเวลาที่  พ่อ แม่ ลูก พูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกันสิ

ไม่ใช่เวลา มานั่งก้มหน้า เล่นโทรศัพท์มือถือ พูดคุยกับเพื่อน

อะไร หลายๆสิ่งอย่างในชีวิต เราหยุดมันเอาไว้ก่อน
เรา break มันเอาไว้ก่อนก็ได้มั๊ง

เวลาที่อยู่กับครอบครัว ต้องเป็นเวลาที่มีค่ามากที่สุดไม่ใช่เหรอ

แต่ถ้าหาก เราเห็นเด็กๆวัยรุ่น หรือลูกๆ นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่ต้องไปกล่าวโทษเด็กๆ หรือลูกๆนะครับ

เพราะที่เขาเป็นในอย่างที่เขาเป็น ก็เพราะ พ่อ แม่ เองไม่ได้สั่งสอน มา

หากจะโทษก็ต้องโทษที่พ่อแม่ ก็ต้องโทษผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้สั่งสอน อบรมบ่มนิสัยเด็ก

อีกอย่าง และการที่พ่อแม่เอง ก็มานั่งเล่นโทรศัพท์มือถือต่อหน้าลูก ในเวลาทานข้าว

มันก็เป็นตัวอย่างที่ผิดแล้ว

เป็น bad role model

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ลูกๆจะเป็นแบบนั้น

เวลาทานข้าว เป็นเวลาของครอบครัว
โทรศัพท์มือถือ ถ้าปิดได้ ก็แนะนำให้ปิดไปเลยนะครับ

เพราะว่าคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว
เราควรให้ความสำคัญแก่เขา

พ่อแม่ ก็ควรให้ความสำคัญต่อลูกๆ
ลูกๆเองก็ควนให้ความสำคัญต่อพ่อแม่

Sunday, April 2, 2017

ไม่ง่ายเลยนะ กับการที่จะต้องปฏิเสธ ใคร อะไร บางอย่าง


มันก็มีบ้างเป็นบางเวลา ที่เราจะต้องมีการเข้าสังคม พบปะผู้คน เพราะว่ามนุษย์เราก็เป็นสัตว์สังคม
คือแบบว่ามันก็ต้องมีการพบปะพูดคุย แล้วก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน อะไรประมาณนี้
แต่บางทีด้วยวิถีชีวิตที่มันเปลี่ยนไปและแตกต่างกันออกไป

มันก็มีบ้างเป็นบางเวลาที่เราต้องการ แบบว่า อยากอยู่เงียบๆ สงบ

และต้องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
ไม่ต้องวุ่นวาย อะไร กับใคร
เรื่องก็มีอยู่ว่า เราสนิทและก็ให้ความเคารพกับพี่คนไทยคนนึงที่อยู่ที่ออสเตรเลีย

คือเรารู้จักแล้วก็เคารพที่คนไทยคนนี้มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว

เพราะตัวพี่เขาเอง ก็ให้ความรัก ความเอ็นดู เหมือนคนในครอบครัวเขา

มันก็มีบ้างตามประสาคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก เขาก็จะมีการพบปะสังสรรค์ จัดงานปาร์ตี้ นั่น นี่ โน่น มีการสวนเสเฮฮา เชิญผู้คนมากมาย มาทานข้าวด้วยกัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น

และก็ช่วงวันเกิดของพี่คนไทยคนนี้ พี่เขาก็ชวนเราและครอบครัวเรา ไปงานปาร์ตี้ ไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร buffet แห่งหนึ่งในเมือง

จริงๆแล้ว เราก็อยากจะไปนะ เพราะว่ายังไงเสีย มันก็เป็นภาษีสังคม ซึ่งมนุษย์คนเราก็ต้องมีการพบปะ สังสรรค์ กันเป็นเรื่องปกติ

เพียงแต่ว่า เราชอบที่จะไปงานอะไรที่เป็นงานเล็กๆ คนไม่เยอะ มันจะได้พูดคุยกันอย่างทั่วถึง และอบอุ่น

แต่ถ้าเป็นงานที่ใหญ่โต คนเยอะแยะมากมาย 
ซึ่งมันก็จะมีทั้งคนที่เราสนิทและไม่สนิท
คนที่เรารู้จักและไม่รู้จัก

หลายๆคนอาจจะบอกว่า ก็ดีสิ ก็ไปสิ จะได้รู้จักคนเยอะๆ รู้จักคนที่เรายังไม่เคยรู้จักด้วย

อะไรประมาณนี้

แต่บางทีเราก็คิดว่า quality over quantity นะ

คือเราขอเลือกที่จะคบคนเฉพาะ กลุ่มเล็กๆเฉพาะคนรู้ใจ
ที่เราสนิท และสามารถคุยได้ทุกเรื่อง จะดีกว่า

ดีกว่าที่จะรู้จักผู้คนเยอะแยะมากมาย แต่ว่าไม่สนิทกับใครเลย
รู้จักกันที่รู้จักกันเพียงแค่เปลือกนอก ผิวเผือน เสแสร้งกันไปวันๆ

แบบนั้นหนะ น่าเบื่อจะตาย
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราไม่ชอบ

พี่คนไทยคนนี้และก็ลูกสาวเขาก็เชิญเรามา

เชื่อหรือไม่ว่า กว่าเราจะให้คำตอบได้คือต้องแบบว่านอนไม่หลับกันไปเลยคืนนึง

เพราะเราก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะไปหรือไม่ไปดี

เพราะพี่คนไทยคนนี้ก็เป็นคนที่เราให้ความรักและเคารพมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่มาอยู่เมืองนอกแล้ว

แต่ในขณะเดียวกันถ้าเผื่อจะให้เราไปนั่งอึดอัด อยู่เป็น 2-3 ชั่วโมง เราก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

เพราะเรารู้ดีว่าคนไทยหลายคนที่อยู่เมืองนอก

“หลายๆคน” นะครับไม่ใช่ทุกคน

ส่วนมากแล้ว จะเจาะแจ๊ะ วุ่นวาย คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ
นินทากันไปวันๆ

หรือไม่ก็พูดเรื่องลามก แซวกันไปแซวกันมา ผิดกาลเทศะ

โดยส่วนตัวเราแล้ว เราไม่ชอบ

เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องบอกปฏิเสธพี่เขาไปตรงๆ

แต่เราก็บอกเค้าว่า ขอเป็น dinner งวดหน้าก็แล้วกัน ที่ไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา แล้วก็ครอบครัวของพี่เค้า

ขอเป็นอะไรที่ส่วนตัว ไม่ใช่งานใหญ่โต เวินเวอร์ อะไรประมาณนี้
เราจะได้คุยกันสนุกๆ เฉพาะคนรู้ใจ เฉพาะคนสนิท

แต่บอกได้เลยว่า
มันเป็นการที่ปฏิเสธที่ทำให้เราหนักใจมาก
คืนนอนไม่หลับไปคืนนึง

เพราะบางที การที่เราจะปฏิเสธใคร อะไร ยังไง
เราก็ต้องรักษาน้ำใจ อีกฝ่ายหนึ่งด้วย

ถ้าเผื่อไม่อย่างนั้นแล้ว คนเขาก็จะมองว่าเรา เป็นคนหยิ่ง
จองหอง ผยองพองขน
เป็นเด็ก ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่

อะไรประมาณนี้

ดังนั้นการที่เราจะปฏิเสธ ใคร อะไร ยังไง
มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆเลยนะ

ทักษะในการสื่อสาร
Skills of communication เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆ
ในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม

ไม่ง่ายเลยนะ กับการใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้...