Monday, August 28, 2017

ว้าเหว่หรือว้าวุ่น


มีใครบางคนบอกเราว่า ทำตัวแบบนี้ เจ้ากี้เจ้าการ ทุกอย่างต้องโปร่งใส ทุกอย่างต้องการมีการตรวจสอบได้

ระวังจะว้าเหว่

ถ้าให้เลือกระหว่างความว้าเหว่ กับความวุ่นวาย

เราขอเลือกเอาความว้าเหว่ละกัน

จริง ๆ แล้วการที่ได้อยู่เงียบ ๆ อะไรคนเดียว มันไม่ใช่ว้าเหว่นะ
ดีสะอีก

แสดงว่าเราจะได้อยู่กับตัวเรามากขึ้น
อยู่กับปัจจุบัน
อยู่กับตัวเอง

อยู่กับคนที่เราคิดว่าสำคัญกับเรา

เพราะหลายคน ก็หลายเรื่อง
มากคน ก็มากเรื่อง

แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง
มีมุมมองที่แตกต่าง

ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ
ทุกคนจะหาเหตุผลมา support ความคิดเห็น และการกระทำของตัวเองเสมอ

ว้าเหว่ ไม่ว้าวุ่น

บางทีการเจ้ากี้เจ้าการของเรา ก็เพราะอีกฝ่ายหนึ่งชอบทำอะไรตามอำเภอใจหรือเปล่านะ

จนบางทีขาดความเกรงใจ

หรือว่าเป็นเพราะมีใครถือหางหรือเปล่านะ
คนที่ถือหาง ก็ถือเพราะความสงสารและเห็นใจหรือเปล่าเราไม่รู้

แต่คำว่าสงสาร
ก็ต้องตั้งอยู่เป็นความพอดี
ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป

เพราะอะไรที่มากเกินไป ก็เป็นพิษ
เพราะอะไรที่หย่อนเกินไป ก็เป็นพิษ

ใครบางคนเลือกที่จะทำตัวน่าสงสาร
พูดจาอ่อนหวาน
ปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ

หลอกคนอื่นได้
แต่หลอกตังเองไม่ได้นะจ๊ะ...

แต่ก็นั่นแหละ

ต่างความคิด
ต่างมุมมอง
ต่างความคิดเห็น

ก็เพราะมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าค้นหา ศึกษา และค้นคว้า

เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Thursday, August 24, 2017

A journey of life

เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ใกล้ ๆ คุณพ่อ

เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับออสเตรเลียแล้ว

เมื่อวานเรากับน้องสาวก็เลยพูดคุยกับพยาบาลหญิง หรือแพทย์หญิงเราก็ไม่รู้นะ

เพื่อที่จะได้ข้อมูลและเข้าใจสถาการณ์ของคุณพ่ออย่างแท้จริง

เรายืนซักไซร้ไร่เรียงกับ พยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นนานมาก

ประมาณ 1 ชั่วโมง

คนที่บ้านบอกว่า อย่าพูดนาน เกรงใจเขา

แต่เราคิดว่ามันเป็น conversation ที่สำคัญ

ให้พยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นอธิบายอย่างหมเปลือก เราจะได้หายสงสัย

เราจะได้ไม่ต้องมีอะไรคาใจก่อนเดินทาง

และเราจะได้ไม่ต้องคอยถามบ่อย ๆ ในช่วงที่เราอยู่ที่เมืองไทย

เมื่อได้พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นแล้ว รู้สึกว่าเราเข้าใจอะะไรต่าง ๆ ดีขึ้น

เพาะปกติแล้วเราก็มัวแต่ concentrate ไปที่คุณพ่อ และอาการอะไรต่าง ๆ นั่น นี่ โน่น


เมื่อวานก็เลยมีโอกาสได้เปิดอกพูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น

เขาได้ให้แง่คิดอะไร ต่าง ๆ นานา เยอะแยะมากมาย

เพราะพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นทำงานอยู่ที่ศูนย์ ICU อยู่แล้ว

คือเขามีประสบการณ์และผ่านสถารการณ์อะไรต่าง ๆ นานา มาเยอะแล้ว

เรากับน้องสาวก็ได้เรียนรู้อะไร ใหม่ ๆ เยอะแยะมากมาย
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

รู้สึกว่าครอบครัวทุก ๆ คน เริ่มมีความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ นานา ที่คล่อย ๆ ปรับเปลี่ยน

เพราะคุณหมอบอกว่า ยังไงเสีย คุณพ่อก็คงไม่กลับมาพูดคุยกับเราได้เหมือนเดิม


ตอนนี้ท่านรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดคุยด้วย

เพียงแต่ท่านไม่สามารถโต้ตอบกลับได้


ดังนั้นเรามีอะไรที่จะต้องพูดคุยกับท่าน เราสามารถพูดได้ เพราะท่านได้ยินและรับรู้ตลอด


มันอึดอัดนะ

ในฐานะของคนเป็นลูก เพราะเราไม่รู้ว่า ณ ตอนนี้คุณพ่อต้องการอะไร

เพราะเราอยู่ไกล อยู่ต่างประเทศ

เราก็ได้แต่อาศัยข้อมูลจากน้องสาวว่า คุณพ่อเคยสั่งเอาไว้แบบนี้ แบบนั้น แบบโน้น


แต่เราในฐานะลูกชาย และเป็นพี่คนโต

เราอยากจะถามว่า จริงเหรอพ่อ ลูกอยากจะ confirm อะไรประมาณเนี๊ยะ

เพราะเราก็ต้องตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่าง


แต่คุณพ่อก็ได้แต่นอนนิ่ง ๆ ไม่มีการพูดจาโต้ตอบ

เราก็ได้แต่ถามน้องสาวเอาไว้ว่า คุณพ่อพูดเอาไว้จริงเหรอ นั่น นี่ โน่น

เราจะได้พูดกับพ่อได้ถูกต้อง เพื่อให้พ่อหมดห่วง


ดังนั้นเราแนะนำทุกคนนะครับ

ก่อนเป็นอะไรไป เขียน your last day wishes เอาไว้ก็ดี

เราไม่ได้พูดถึงพินัยกรรมหรือมรดกนะ


เพราะพวกเราจัดการกันเรื่องนั้น ตั้งแต่ตอนที่คุณพ่อยังแข็งแรงอยู่แล้ว

แต่ your last day wishes ควรเป็นประมาณว่า เราต้องการให้อีกฝ่ายทำอะไรให้ ก่อนที่เราจะจากไป อะไรประมาณเนี๊ยะ


มันเป็น harsh reality นะ
แต่เป็น reality ที่ทุกคนต้องเผอิญ

ดังนั้น ทุกคน เตรียมการเอาไว้บ้างก็ดี

หลังจากที่ได้พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น มุมมองและวิธีการคิดเราก็เปลี่ยน

วันนี้ตอนเช้า ก็เลยพูดกับพ่ออีกแบบหนึ่ง เพื่อให้พ่อปล่อยวาง

ไม่ต้องห่วงคนที่อยู่

เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าเราปล่ายวางได้ดีกว่าคุณพ่อเราสะอีก


เพราะเราไม่รู้ว่า สรุปแล้วคุณพ่อเป็นห่วงใครมั่ง

จนน้องสาวบอกว่า คุณพ่อเป็นห่วง คนนั้น คนนี้ คนโน้น

เราก็เลยต้อง re-assured กับคุณพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา เราจะดูแลพวกเขาเอง


สุดท้ายแล้ว คุณพ่อ จะอะไร ยังไง เมื่อไหร่ เราไม่รู้

รู้แต่ว่า เรา, น้องสาว และทุกคนในครอบครัว ก็เตรียมพร้อมกับการรับมือนะ


ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากที่พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น รู้สึกว่าทุกอย่างมันมีทางออก

และทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน


ก็เพราะชีวิตคือการเดินทาง


คุณพ่อใกล้จะถึงเส้นชัยชีวิตแล้ว

เราต้อง appreciate the journey of life ของคุณพ่อในช่วงชีวิตที่ผ่านมา


วันนี้ชิวิตรู้สึกโล่ง และปลดล๊อค และหมดห่วงไปอีก 1 เปราะ

Friday, August 18, 2017

ก็เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าเป็นอะไรที่ productive นะ

ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการบริหารชีวิต

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เป็นบรรยากาศของการนั่งทำงานเงียบ ๆ
ก็นั่งทำงานหน้า computer

เช้า ๆ ก็มีออกกำลังกายบ้าง ก่อนเริ่มทำงาน
บ่าย ๆ วันไหนพอมีแรงก็ออกกำลังกายบ้าง

ไม่ได้รอออกกำลังแค่ช่วง weekend เหมือนแต่ก่อน

ไม่ค่อยรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเวินเวอร์เหมือนแต่ก่อน
ก็รับสายเฉพาะของลูกค้านะ

ก็อาจจะรับสายแปลก ๆ มั่ง
เฉพาะเวลาที่เราออกไปวิ่งออกกำลังกาย อะไรประมาณเนี๊ยะ
ถือว่าเป็น multi tasking ไปก็แล้วกัน

แต่เวลาที่นั่งทำงานเนี๊ยะ ขอ concentrate เฉพาะที่เป็นงานของลูกค้า จริง ๆ จะดีกว่า

อยากจะให้คำปรึกษาทุกคนนะ
อยากจะช่วยเหลือทุกคนนะ

แต่บางทีบ่า 2 บ่า ที่เราต้องแบกรับภาระชีวิตคนเอาไว้
มันก็หนักเหมือนกันนะ

และเราก็ต้องการให้งานออกมาดี
เพราะทุกอย่างที่ทำ ทำด้วยใจจริง ๆ

เราต้องการ quality over quantity มากกว่า

คิดว่าเป็นอะไรที่ลงตัว
เพราะมันไม่ทำให้ชีวิตเราวุ่นวาย

แน่นอนว่าชีวิตมันต้องโดนถากถาง
แต่คิดว่า ชีวิต และ จิตใจเลยจุดนั้นมาแล้ว

เพราะรู้ดีว่า ทุกสิ่งอย่าง มันมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป
ความรู้สึกพวกนี้ก็เช่นเดียวกัน

มันมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป

ดังนั้น เราก็ขอ focus และ concentrate เฉพาะ positive energy ก็แล้วกัน
มองข้าม ก้าวข้าม คำพูดถากถางพวกนั้นสะ

แล้วชีวิตก็จะมีความสุข
เพราะว่าเรา focus ไปอะไรที่ดี ๆ เท่านั้น

แล้วทุกคนหละ มองข้าม ก้าวข้าม คำพูดถากถาง หรือสิ่งแย่ ๆ กันหรือยัง

อย่าลืมนะครับว่า ชีวิตนี้เป็นของเรา
อย่าให้ใครมากุมบังเหียนชีวิตเรา
เราต้อง take charge และ in control of your life

เพราะชีวิตนี้

"ทุกข์" มันก็เป็นของเรา
"สุข" มันก็เป็นของเรา

แล้วเราจะเลือกอะไร ระหว่าง สุข กับ ทุกข์

วันนี้เราเลิกแบกทุกข์กันหรือยัง??

ค้นหาความสุขในชีวิตที่แท้จริงให้เจอ
อยู่กับตัวเองให้มาก

แล้วเราก็จะรู้ว่า
สุดท้ายแล้ว ความสุขมันอยู่ที่ใจเรานี่เอง

...รักนะ...

จอห์นเผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Tuesday, August 15, 2017

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

ไม่ว่าจะเป็น
ความรัก โลภ โกรธ หรือหลง

หลาย ๆ คนอาจจะมองข้าม "ความหงุดหงิด"

แล้วความหงุดหงิดหละ
เราถือว่าเป็นความโกรธหรือเปล่า

เราคิดว่าคงไม่นะ

หงุดหงิด ไม่ถึงกับโกรธ

หงุดหงิด เป็นอาการของความรำคาญมากกว่า
หรือการคาดหวังอะไรจากใคร หรือจากอะไรบางสิ่งบางอย่าง แล้วไม่ได้อย่างที่หวัง

หากเมื่อไหร่เราเกิดความหงุดหงิดขึ้นในใจ
รับรู้ เท่าทัน ตัดความคิดนั้นออกทันที

หรือหากหาทางแก้ไม่ได้ วิธีที่ดีสำหรับเรา คือ เข้านอน
เดี๋ยวตื่นเช้าขึ้นมา ความคิดและสถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเอง

เพราะการที่เราไปมุ่งมั่นและจดจ่อกับอะไรบางอย่าง
มันเหมือนไปการไปเติมเชื้อไฟให้มัน

และมันก็สุมไหม้จิตใจเรา
โดยเฉพาะความคาดหวังอะไรจากใครคนอื่น

อย่าลืมนะครับว่า
เราเปลี่ยนแปลงอะไร ใครคนอื่นไม่ได้
นอกจากตัวเราเอง

หากเราคาดหวังอะไร จากใครสักอย่าง และมันไม่เป็นไปตามอย่างที่หวัง บางทีมันก็อาจจะฤกษ์งาม ยามดี ที่เราจะต้องมาลองนั่งคิด พิจารณาเข้าไปให้ลึก ถึงจิตใจและความนึกคิดของเรา

ว่าเราคาดหวังอะไร จากอีกฝ่ายที่เขาไม่รู้ตัวเลยหรือเปล่า
อย่าลืมว่า มุมมองชีวิต และการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เราคงจะคาดหวังอะไรให้ทุกคน ทุกสิ่งอย่าง เป็นไปตามที่คาดหวังไม่ได้

หากเราไม่ได้อะไรอย่างที่หวัง มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของ อาการหงุดหงิด และความรำคาญ ที่มันเกิดขึ้นมาในจิตใจ

เป็นไฝเผาใจเราเอง

ดับไฝในใจง่าย ๆ ด้วยการไปนอน 
นอนเสร็จตื่นมา รู้สึกว่าความคิดมันผ่อนคลายขึ้น

จริตของแต่ละคน อาจจะไม่เหมือนกัน
แต่ของเรามันเป็นแบบนี้

ถ้าหากพยายามแล้ว ลองทำแล้ว ที่จะดับไฟในใจ มันร้อนรุ่ม มันดับไม่ได้ เพราะมัน peak สุด

ทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้อง "นอน"

เราเชื่อว่า ทุกอารมณ์และความรู้สึก มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

ไฟสุมทรวง อารมณ์หงุดหงิด ก็เช่นเดียวกัน
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะ เดี๋ยวมันก็ดับไป

ตื่นขึ้นมา เริ่มต้นวันใหม่ เราคิดว่า
ชีวิตมันสดใสกว่าเดิมนะ


Saturday, August 12, 2017

plan ชีวิตรายวัน


วัน ๆ หนึ่งมันผ่านไปเร็วนะ
ถ้าเราไม่จัดการชีวิต
ไม่วาง plan เอาไว้ว่าแต่ละวัน เราจะทำอะไรมั่ง

วัน ๆ หนึ่งเนี๊ยะ มันเสียไปโดยสิ้นเปล่าเลยนะ

เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นมา clear และจัดการชีวิต นั่น นี่ โน่น

ก็ plan เอาไว้คร่าว ๆ ว่าวันนี้ต้องทำอะไรมั่ง
ส่วนจะได้ตามที่ plan หรือเปล่านั้น นั้นคงอีกเรื่องหนึ่งแล้วหละ

แต่อย่างน้อยเราก็ plan ละกัน

ชีวิตคนเราของแต่ละคน การใช้ชีวิตใน 24 ชั่วโมงอาจจะไม่เหมือนกัน

ชอบแบบไหน เลือกเอาแบบนั้นนะครับ
เอาที่สบายใจ

แต่ plan และทำอะไรเพื่อตัวเองด้วยละกัน
เพราะตัวเราเอง วันนี้ก็ plan เยอะเหมือนกันนะ

ทั้งเรื่องงาน
เรื่องดูแลตัวเอง (ออกกำลังกาย)

ไอ้ตัวหลังนี่แหละ ไม่รู้จะได้ทำสักกี่น้ำนะ
แต่ก็จะลองดู
ดีกว่าไม่ลองอะไรเลย

อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ต้องพึ่งหมอ หนะ


If you fail to plan, you're plan to fail นะครับ