Saturday, December 30, 2017

End of the year, ส่งท้ายปีเก่า


สิ้นปี วันส่งท้ายปีเก่า หรือวันขึ้นปีใหม่
จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ วันก็เหมือนกัน

วันไหน ๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ
ทุกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์เราสมมุติมันขึ้นมา

จะเฉลิมฉลอง หรือไม่ มันเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล
จะกินเหล้าเมายา มันก็เรื่องของใครมัน

แต่ก็ลองตั้งข้อสังเกตุดูว่า คนที่ชอบกินเหล้าเมายา กับคนที่ไม่แตะต้องสุรา (อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่เคย) ชีวิตเขาแตกต่างกันยังไง

จริง ๆ แล้วช่วงสิ้นปี เราก็คิดว่ามันเป็น good milestone ในการที่เราจะนั่งและคิดทบทวน self-reflection นะ เรื่องราวต่าง ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาตลอดทั้งปี มันสอนอะไรเราได้บ้าง

เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น ๆ อย่างไร
แล้วเราจะปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างไร

ถ้าเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เราจะรับมือกับมันยังไง

New Year's Resolution เหรอ
จริง ๆ แล้วถ้าคนเรามีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน
รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่อใคร ทำไปเพื่ออะไร
เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมี New Year's Resolution

เพราะคนที่เขามีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน และเด่นชัด
ทุก ๆ วันคือ "resolution" จ๊ะ

ถ้าเราทำทุก ๆ วันให้ดีที่สุด
รู้เป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน
รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ก็นั่นแหละคือเป้าหมาย และ goals in life

New Year's Resolution:
- ฉันจะผอม, เราก็ต้องถามตัวเองว่า แล้วทำไมอ้วนตั้งแต่แรก
- ฉันจะออกกำลังกาย มี six pack, อ้าว ก็ทำไปเลยสิ ไม่ต้องมารอปีใหม่ ทำวันนี้เริ่มวันนี้
- ฉันจะดูแลพ่อแม่ให้ที่สุด, เฮ้ย ทุกวันคือวันพ่อ ทุกวันคือวันแม่ ถ้าจะมารอดูแลแค่ช่วงปีใหม่ เราก็คงต้องกระจกถามตัวเองแล้วหละ ว่าสุดท้ายแล้วเราเป็นคนยังไง
- .... and the list go on...

ก็เข้าใจว่าสถานะทางจิตใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างมุมมอง
แต่มุมมองของเราเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน

ก็เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง
เราจะรู้ได้ไงว่าเราจะมีชีวิตอยู่ถึงปีใหม่ ถึงวันพรุ่งนี้

อย่ารอให้ถึงปีใหม่
ทุก ๆ วัน ทำวันนั้นให้ดีที่สุดในแบบของเรา แล้วแต่สถานภาพของใครมัน ณ ตอนนั้น

อดีตมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไม่ได้
พรุ่งนี้มันยังมาไม่ถึง
ทำวันนี้ก่อน เอาวันนี้ก่อน ทำให้ดีที่สุด 

Be the best version of oneself.
...
...
โปรดอย่ามองที่ชุดขาวที่เราใส่
เพราะมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา
ให้มองลงไปให้ลึกถึงจิตใจของเรา

จอห์น เผ่าเพ็ง;  เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Friday, December 29, 2017

Gary Vaynerchuk, #GaryVee




ช่วงนี้เราไปไหนมาไหน ก็จะฟัง podcast ของ GaryVee ตลอด

Gary Vaynerchuk​ เป็น entrepreneur เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อใน US

Gary Vee เป็นนักธุรกิจที่ใช้ SocialMedia ในการทำธุรกิจ ในรุ่นบุกเบิกเลย

เขาทำ Video clip ลง YouTube​ ตอนที่ #YouTube เริ่มเปิดให้บริการเลย ใหม่ ๆ 6 เดือน

ตอนนี้เรามีมากกว่า 1,000 episode ใน YouTube กับธุรกิจ wine ที่เขาสร้างให้พ่อของเขา เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่พ่อและแม่ของเขาอพยพจากประเทศรัสเซีย มา US เพื่อมีชีวิตที่ดีกว่า

ตอนนี้ Gary Vee เป็น CEO ของบริษัท advertisement agency ที่ทำโฆษณาลงสือ social media

ลูกค้าของบริษัทเขาจะเป็นพวกบริษัทยักไหญ่ในอเมริกา

นอกจาก postcast แล้ว

Gary Vee ยังมีหนังสือ และก็มีในรูปแบบของ audiobook ด้วย
หนังสือเสียงเหล่านี้สามารถ download ได้ที่ Amazon.com​ Audible​

สำหรับ busy executive ทั้งหลาย ก็ลอง download audiobook พวกนี้มาฟังกันได้นะครับ

Crush It!, USD 20.06
#AskGaryVee, USD 33.87
The Thank You Economy, USD 26.35
Jab, Jab, Jab, Right Hook, USD 7.65

เกิดมาเป็นมนุษย์เราก็ต้องเลือกที่จะเรียนรู้ และลงทุนในชีวิตนะครับ
ไม่งั้นชีวิตเราก็จะย่ำอยู่กับที่
แต่ละวันสูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ

เห็นอะไรดี เราก็อยากแนะนำและบอกต่อ

จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Saturday, December 23, 2017

Christmas can be healthy too


Christmas สำหรับเราคือเทศกาลแห่งการกิน
นอกจากจะต้องกินกับเพื่อนร่วมงานแล้ว
เราก็ต้องกินกับเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
แล้วก็ต้องกินกับเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน เพราะลูกลิงเล่นด้วยกันด้วย

มีสังคมหลายกลุ่มที่เราต้องเข้า
บางวันก็มี Christmas lunch กับเพื่อนที่ทำงาน
วันต่อมาก็เป็น Christmas dinner ที่บ้านเพื่อน กับเพื่อนสนิท

อะไรประมาณนี้

ช่วงนี้เรา  fussy ในเรื่องการกิน
จะเรียกว่า fussy หรือเปล่าเราไม่รู้นะ แล้วแต่ใครจะคิด
เอาเป็นว่าเราเลือกที่จะหยิบอะไรใส่ปาก ใส่ร่างกายเราละกัน

ก็เหมือนรถนั่นแหละ เลือกเอาจะเติมน้ำมันแบบ E10, unleaded 91 หรือ unleaded 95, 98 อะไรก็ว่าไป

เติมแบบไหน ได้แบบนั้น

ร่างกายเราก็เหมือนกัน you are what you eat
กินอะไรเข้าไป แล้วก็ไม่ต้องมาบ่นว่าอ้วน ก็เลือกที่จะกินเองหนิ
ไม่ต้องไปโทษใคร ให้โทษตัวเองที่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ฉลาดที่จะเลือกกิน

ไปร้านอาหาร เราก็สามารถเลือกสั่งอะไรที่ lean และก็ healthy ได้

ไป Christmas dinner ที่บ้านเพื่อนสนิท
ถ้าสนิทกันมากพอ เราก็บอกเขาได้ สั่งเขาได้
เอานะ เราไปมาหาสู่กันมา 13 ปีแล้ว
เพื่อนก็เป็น chef ทั้งสามีและภรรยา อยากกินอะไรสั่งได้ เขาชอบทำอาหารอยู่แล้ว

เราก็เลย SMS  ไปบอกเพื่อนว่า ปีนี้ฉันขอเน้นผักละกัน เธอทำอะไรก็ทำไป ทำผักเผื่อฉันละกัน เพิ่มจากปีที่แล้วนิดหนึง อะไรประมาณนี้ 

ใช่จ๊ะ ยังใช้  SMS อยู่เลย เพื่อนเป็นชาวต่างชาติ เขามี apps ของเขา เขาไม่ได้ใช้ apps คล้ายกับของเรา

เอ๊ะเราไปสร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนเราหรือเปล่านะ
ไม่นะ ก็ร่างกายนี้เป็นของเรา
เราเลือกที่จะกินแบบนี้
ถ้าเราไม่ดูแลร่างกายเราตอนนี้ ไปดูแลตอนแก่ ก็คงจะสายเกินไปละมั้ง

ใครอยากกินมันหมู หมู 3 ชั้น เขาก็มีนะ ก็กินไปสิ ไม่ได้ห้าม

Christmas dinner ปีนี้เรามาแปลก
Green tea instead of coffee
Apple instead of muffin (น้ำตาลเยอะ) อะไรประมาณนี้

ก็โชคดีที่เพื่อนกลุ่มนี้ คนที่เป็น host เขาเป็น chef ก็เลยไม่มีปัญหา

แต่ถ้าเพื่อนกลุ่มจากมหาลัย ก็จะออกแนว BBQ, อันนั้นเราสั่งอะไรไม่ได้ ก็พยายามหลีกเลี่ยง red meat เอา เน้น seafood แทน

กับเพื่อนกลุ่มมหาลัย ก็จะออกแนวเข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วมาตาม no choice เพราะเพื่อนมหาลัย เป็นเด็ก computer science จาก UOW; University of Wollongong, เด็ก nerd แต่ละคนทำกับข้าวไม่เป็นหรอก รวมถึงตัวเราด้วย BBQ ย่าง ๆ ปิ้ง ๆ จับโยน จับวาง หนะพอได้... no choice จริง ๆ 

Christmas ก็เป็นฤดูกาลแห่งการพบปะสังสรรค์
พบปะสังสรรค์ด้วยสตินะครับ

...รักนะ...

จอห์น เผ่าเพ็ง; เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Thursday, December 21, 2017

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่



กับชีวิตการทำงานที่มันวุ่นวายและสับสน
ก็มีบ้างที่เรามองข้ามสิ่งสวยงามเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบกายเรา

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารัก
คนที่คอย support หรือสนับสนุนเราในหลาย ๆ เรื่อง

สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ บางสิ่งบางอย่าง
เรา take it for granted หรือมองข้ามสิ่งนั้นไป
เพราะว่าทุก ๆ วันสิ่งของเหล่านั้นมันก็มีอยู่แล้วของมัน

มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน

ต้นไม้ที่สวยงาม มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน เราก็มองข้ามมันไป

ทะเลหรือภูเขาที่สวยงาม มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน เราก็มองข้ามมันไป

อาจจะด้วยชีวิตการทำงาน
หรือ lifestyle ในสังคมปัจจุบัน
ที่เราจะต้องแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น

หรือมัวแต่ทำงาน ทำมาหากินเลี้ยงชีพ
จนลืม และก็มองข้ามสิ่งสวยงามต่าง ๆ ที่อยู่รอบกาย
ก็เพราะสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน

บ่อยครั้งนักที่เรามองข้ามกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้

บางที เราก็ควรจะหยุด หันซ้ายแลขวา แล้วก็ appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ที่เรามีอยู่

วันนี้เราขอบคุณกับสภาพแวดล้อมที่เรามีอยู่ในปัจจุบันแล้วหรือยัง

วันนี้เราขอบคุณกับคนที่เขาอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของเราแล้วหรือยัง

วันนี้เรารู้สึกโชคดีหรือเปล่าที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อม และบรรยากาศที่สวยงาม ของบางสิ่งบางอย่าง มันก็มีของมันอยู่แล้ว

แต่เราก็มองข้าม
มองไม่เห็น หรือเลือกที่จะไม่มอง

ภูเขาลูกนี้สวยงามนะ
ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ภูเขาลูกนี้มันก็อยู่ของมันที่เดิม เราก็ขับรถขึ้นลงเป็นประจำทุกวัน

จะเคยไหม ที่เราจะหยุด แล้วก็ดื่มดำกับความสวยงามเหล่านี้ที่อยู่รอบ ๆ ข้างกายเรา

บางที่ชีวิตมนุษย์เรา มันก็ช่างน่าสมเพชจริง ๆ นะ

สิ่งของสวยงามอยู่ใกล้ ๆ แค่เอื้อม บางทีเราก็มองไม่เห็น

เหมือนกับคนที่รักเรา คนที่คอย support เรา

บางทีเราก็มองไม่เห็นความดีของเขา ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้น ก็เป็นในแบบที่พวกเขาเป็น ทำในสิ่งที่เขาทำทุก ๆ วัน คือ suppot เรา บางทีเราก็มองข้ามพวกเขาไป

อย่าลืมบอกรักคนข้างกายเราทุกวันนะครับ
บอกให้เขาได้รับรู้ แสดงออกให้เขาเห็น ว่าเขาเป็นที่รักของเรา
ว่าเขามีคุณค่าสำหรับเรา

กับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้มีอุปการะคุณที่ดูแลเรามา ก็เหมือนกัน
อย่าลืมบอกรักพวกเขาทุกวันเช่นเดียวกัน

ทำความดี รักและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในวันที่เขามีชีวิตอยู่

เพราะในวันที่เขาไปแล้วเราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่
appreciate กับทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเรา

ทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบ ๆ กายเราทำงานด้วยกันอย่างเป็นระบบ

ไม่ว่าจะเป็นระบบร่างกาย
ระบบจักรวาล
ระบบสิ่งแวดล้อม
ระบบครอบครัว

ทุกสิ่งอย่างมันคือ “ระบบ”
ทุกสิ่งอย่างมันคือ “system”

ทุกสิ่งอย่างมันต้องอยู่ด้วยความสมดุล
ทุกสิ่งอย่างมันต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
ทุกสิ่งอย่างมันมีที่มาและที่ไป
ทุกสิ่งอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมัน

ก็เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

วันนี้เรามีชีวิตอยู่

ขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่เลวร้าย ที่เราก็ถือซะว่ามันเป็นประสบการณ์ และก็เรียนรู้กันไป

ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่สวยงาม เราก็ควรจะขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่มันเกิดขึ้นในชีวิต

วันนี้เราขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบข้างกายเราแล้วหรือยัง

วันนี้เราบอกรักกับคนที่อยู่ข้างกายเราแล้วหรือยัง

บอกรักคนข้างกาย คนในครอบครัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ของตาย

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่

ด้วยรัก...จาก จอห์น เผ่าเพ็ง; เพราะฉะนั้นมัน ถึงเป็นเช่นฉะนี้

Sunday, December 17, 2017

ข้อดีของการมีสาขาอาชีพที่แตกต่าง


การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ โดยส่วนตัวแล้ว เราแนะนำให้ลองทำอะไรสัก 2 อาชีพที่ฐานลูกค้าแตกต่างกัน ก็ดีนะครับ

เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ชีวิตเราก็จะเดิม ๆ
เจอแต่ลูกค้ากลุ่มเดิม ๆ

ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับหมู่คนเดิม ๆ
โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียแล้ว

โอเคนะสาขาอาชีพบางอาชีพ เราก็ทำงานกับคนไทย
อย่างเช่น เปิดร้านอาหารไทย ร้านนวดไทย student agent ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย

Immigration Agent ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย

จริงๆแล้วลูกค้าเยอะมันก็ดีนะ

แต่บางทีเราก็อยากได้ different perspective of life บ้างเหมือนกัน

ได้ทำงานกับฝรั่งบ้างก็ดี
มีลูกค้าเป็นฝรั่งบ้างก็ดี

ได้ทำงานกับชาวต่างชาติบ้างก็ดี
มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติบ้างก็ดี

เราจะได้มีมุมมองที่แปลกใหม่ด้วย
ไม่ใช่อะไรก็ความคิดแบบไทย ๆ เดิม ๆ same same

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะครับ
ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ interact กับคนไทยมากที่สุด ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

มันแตกต่างจากการ interact กับฝรั่ง กับชาวต่างชาตินะ
แนวคิดและ perspective of life ก็แตกต่างกันออกไปด้วย

เราก็ถือว่าโชคดี
เพราะงานที่ทำ งานหนึ่งก็ interact กับคนไทยเป็นส่วนใหญ่
อีกงานหนึ่งก็ interact กับฝรั่งเป็นส่วนใหญ่

เรามีความรู้สึกว่า ทุกอย่าง balance และลงตัวดี
มันทำให้ชีวิตเราไม่ซ้ำซากหรือจำเจ
มันทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่างออกไป

มันทำให้เราได้สัมผัสชีวิตคนอีกหลายรูปแบบ

ถ้าเผื่อใครมีโอกาส


ก็อยากจะลองให้ทำงาน หรือมีสาขาอาชีพ ซัก 2 อย่าง
ที่มันแตกต่างกันออกไปนะครับ

งานหนึ่งอาจจะเป็น full time
อีกงานหนึ่งอาจจะเป็น part time

หรืออาจจะ part time ทั้ง 2 งานก็ได้
แล้วแต่สถานการณ์ของใครมัน

Sunday, December 10, 2017

Stereotype


เมื่อวานเราได้มีโอกาสไปเข้าสัมมนา เกี่ยวกับกฎหมาย Immigration ของประเทศออสเตรเลีย

คนที่จัดสัมมนาคราวนี้ เป็นทนายความคนจีน

นี่เป็นครั้งแรกที่เราไปเข้าสัมมนาที่จัดโดยทนายความคนจีน

เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราไม่มีความศรัทธานายทนายความคนจีนเท่าไหร่

มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่บังคับกันไม่ได้นะ

แต่เมื่อวานนี้ ทนายความคนจีน ที่จัดสัมมนา
ได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดของเราไปหลายอย่างเหมือนกัน

ทนายความคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา
ไม่ซิกแซก
ไม่เล่ห์เหลี่ยม
ไม่เจ้ากล
ไม่เจ้าเล่ห์

เหมือนทนายความคนจีนทั่ว ๆ ไปแถว Chinatown

คือบอกตามตรงเลยว่าเราไม่มีความศรัทธากับการทำงานของทนายความคนจีนหรือ Immigration agent คนจีนในแถบ Chinatown เลย

แต่ทนายความคนนี้
เป็นบุคคลที่มีความรู้

เท่าที่ฟังคร่าว ๆ คือ เขาเรียนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวะมาจากเมืองจีน

แล้วก็มาเรียนกฎหมายเพิ่มเติมที่นี่ที่ไปออสเตรเลีย
เราไม่แน่ใจว่าจบปริญญาตรีทางด้านกฎหมายที่นี่หรือเปล่า
แต่ที่รู้ ๆ ก็คือ เขาจบปริญญาโททางด้านกฎหมาย และก็ pHD ที่นี่

แค่ฟังจากการพูดการจา ความคิดและปรัชญาชีวิตและการทำงานแล้ว

เราก็รู้เลยว่าเขามีความรู้ เขาแตกต่างจะทนายความคนจีนหรือ Immigration Agent คนจีนทั่วทั่วไปในแถบ Chinatown

บางทีมันก็สำคัญนะ ที่เราจะไม่ stereotype หรือ generalisation ใครบางคน

แต่ปกติแล้ว มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ส่วนใหญ่
ที่หลีกหนีไม่พ้นการ stereotype หรือ generalisation

แต่ประสบการณ์จากเมื่อวาน
มันทำให้เราคิด แล้วก็เปิดใจให้กว้างมากขึ้น

เพราะจริงๆแล้วก่อนที่เราจะเลือกลงสัมมนาครั้งนี้

เราก็คิดแล้วคิดอีกนานอยู่เหมือนกัน

เพราะสัมมนาแต่ละครั้งมันก็มีค่าใช้จ่าย และเวลาที่เสียไปทั้งวัน

แต่เมื่อวานถือว่าเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามาก

เราได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย

รวมไปถึงคนที่ไปเข้าสัมมนาด้วยเมื่อวาน

ทุกคน professional มาก
ทุกคนนำเอาความรู้และประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
ไม่มีใครกั๊กความรู้หรือหมกเม็ด

มันทำให้บรรยากาศของงานสัมมนา เป็นไปอย่างราบรื่นและ productive
มันเป็นบรรยากาศของงานสัมมนาที่อยากให้เรากลับไปอีก

ในงานสัมมนาเมื่อวาน มีหลายคนมากที่เขาเคยเข้างานสัมมนาของทนายความจีนคนนี้

แล้วเขาก็กลับเข้ามาใหม่

มันจึงไม่แปลกเลย
สินค้าดีทุกคนก็อยากกลับเข้ามาใช้
สินค้าดีทุกคนใช้แล้วก็อยากบอกต่อ


มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์เลยจริงๆ

ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเผื่อเราไม่เปิดใจให้กว้าง

เมื่อวานเราก็จะไม่ได้มีโอกาสเจอทนายความที่เก่ง ๆ ได้เจอคนทำงานในแวดวงเดียวกันที่เก่ง ๆ

มีจรรยาบรรณที่คล้ายกัน

มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกัน

จากประสบการณ์ในครั้งนี้

มันสอนให้เรา เป็นคนที่เปิดใจให้กว้างมากกว่านี้

ไม่ด่วนตัดสินใครโดยที่ไม่ศึกษาให้รู้จักเค้าเสียก่อน

ลองเปิดใจให้กว้างกันดูนะครับ
แล้วโอกาสดี ๆ
สิ่งดี ๆ

จะเข้ามาในชีวิตเรา