หัดเป็นผู้ฟังบ้างก็ดีนะเธอ

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้มีโอกาสเจอฝรั่งคนหนึ่ง เราได้มีโอกาสนั่งคุยกันและปรึกษาอะไรหลายๆอย่างในสิ่งที่เค๊าอยากรู้ คือเค๊ามาขอคำปรึกษาจากเรานะครับ ก็พอจะเข้าใจว่าเค๊าคนนี้ก็ได้ไปอ่านข้อมูลอะไรต่างๆในอินเตอร์เนทแล้วก่อนที่เค๊าจะเข้ามาคุยกับเรา

ก็ประมาณว่า ความคิดความอ่าน หรือ mindset ของเค๊าได้คิดอะไรไว้เกือบหมดแล้วว่า เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ๆนะ พอเราเสนอข้อคิดหรือมุมมองอีกแง่มุมหนึ่งที่มันแตกต่างออกไป เค๊าก็จะมีข้อโต้แย้งมาได้ตลอด และก็เอาแบบว่า ตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปเลยว่า "เออ ฉันอยากทำแบบนี้นะ ฉันอยากได้แบบนี้นะ"

สรุปเราก็ยังไม่แน่ใจว่าใครมาขอคำปรึกษาจากใครกันแน่ เราก็ได้แต่นึกในใจว่า เออ แล้วเธอมาหาฉันทำไมเนี๊ยะ ปล่อยฉันให้นั่งอยู่ที่บ้านดูทีวีจะดีกว่ามั๊ย เสียเวลาฉันจริงๆ

คนเรานี่มันก็แปลกดีนะ ก็เข้าใจนะว่าทุกคนมีความคิดเห็นอะไรที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคนที่เค๊าคิดเอาไว้แล้วว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เค๊าคิด เป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ

แต่ก็นะ บางทีคนเรามันก็ต้องหัดเป็นผู้ฟังด้วย ก็ลองฟังมุมมองที่มันแตกต่างจากตัวเองด้วยว่า มันเป็นยังไง ฟังแล้วจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั่นก็อีกเรื่องหนึง แต่ก็ลองฟังดูนิดหนึง ไม่ใช่ว่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งอ้าปากพูดเลย จะพูดอะไรออกไป โดนเบรคตลอด แบบนี้มันก็คุยกันไม่สนุก แล้วแบบนี้เราจะถือว่าเป็นการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นได้อย่างไรกัน

ฟังไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

ถ้าหากเราไม่คิดที่ฟังอีกฝ่ายหนึ่งพูดเลย เราก็อาจจะกลายเป็นพวกกบในกะลาก็ได้ เพราะอีกฝ่ายหนึ่งที่เค๊าพยายามจะเสนอความรู้ ความคิดเห็น เค๊าอาจจะมีความรู้ดีกว่าเราก็เป็นได้ เค๊าอาจจะเรียนมาทางด้านนี้ก็ได้ ในขณะที่ตัวเราเองไปอ่านอะไรมาจากอินเตอร์เนท

ถ้าหากเราไม่รู้จักการวางตัว การเป็นผู้ฟังที่ดี ก็อยากจะถามว่า ถ้าต่อไปคิดที่จะปรึกษาหารืออะไรเค๊าเนี๊ยะ เค๊าอยากจะเจอเราอีกมั๊ย?

คนเราถ้ามันคุยกันแล้วไม่สนุก ไม่ถูกคอ เราก็ไม่อยากที่จะคุยด้วยหรือเสียเวลาด้วย จริงๆนะ

ต่อไป เวลาเราไปใหนมาใหน หรือคุยอะไรกับใคร แนะนำให้ลองสังเกตุดูนะครับว่าเราเป็นผู้ฟังที่ดีหรือเปล่า หรือเราเป็นฝ่ายที่จะแย่งพูดตลอด แล้วก็เสนอแต่ความคิดในด้านเดียวของตัวเอง push your own ideas, your own agenda ตลอด