คือแบบว่ามันก็ต้องมีการพบปะพูดคุย แล้วก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน อะไรประมาณนี้
แต่บางทีด้วยวิถีชีวิตที่มันเปลี่ยนไปและแตกต่างกันออกไป
มันก็มีบ้างเป็นบางเวลาที่เราต้องการ แบบว่า อยากอยู่เงียบๆ สงบ
และต้องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
ไม่ต้องวุ่นวาย อะไร กับใคร
มันก็มีบ้างเป็นบางเวลาที่เราต้องการ แบบว่า อยากอยู่เงียบๆ สงบ
และต้องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
ไม่ต้องวุ่นวาย อะไร กับใคร
เรื่องก็มีอยู่ว่า เราสนิทและก็ให้ความเคารพกับพี่คนไทยคนนึงที่อยู่ที่ออสเตรเลีย
คือเรารู้จักแล้วก็เคารพที่คนไทยคนนี้มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว
เพราะตัวพี่เขาเอง ก็ให้ความรัก ความเอ็นดู เหมือนคนในครอบครัวเขา
มันก็มีบ้างตามประสาคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก เขาก็จะมีการพบปะสังสรรค์ จัดงานปาร์ตี้ นั่น นี่ โน่น มีการสวนเสเฮฮา เชิญผู้คนมากมาย มาทานข้าวด้วยกัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น
และก็ช่วงวันเกิดของพี่คนไทยคนนี้ พี่เขาก็ชวนเราและครอบครัวเรา ไปงานปาร์ตี้ ไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร buffet แห่งหนึ่งในเมือง
จริงๆแล้ว เราก็อยากจะไปนะ เพราะว่ายังไงเสีย มันก็เป็นภาษีสังคม ซึ่งมนุษย์คนเราก็ต้องมีการพบปะ สังสรรค์ กันเป็นเรื่องปกติ
คือเรารู้จักแล้วก็เคารพที่คนไทยคนนี้มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว
เพราะตัวพี่เขาเอง ก็ให้ความรัก ความเอ็นดู เหมือนคนในครอบครัวเขา
มันก็มีบ้างตามประสาคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก เขาก็จะมีการพบปะสังสรรค์ จัดงานปาร์ตี้ นั่น นี่ โน่น มีการสวนเสเฮฮา เชิญผู้คนมากมาย มาทานข้าวด้วยกัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น
และก็ช่วงวันเกิดของพี่คนไทยคนนี้ พี่เขาก็ชวนเราและครอบครัวเรา ไปงานปาร์ตี้ ไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร buffet แห่งหนึ่งในเมือง
จริงๆแล้ว เราก็อยากจะไปนะ เพราะว่ายังไงเสีย มันก็เป็นภาษีสังคม ซึ่งมนุษย์คนเราก็ต้องมีการพบปะ สังสรรค์ กันเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่ว่า เราชอบที่จะไปงานอะไรที่เป็นงานเล็กๆ คนไม่เยอะ มันจะได้พูดคุยกันอย่างทั่วถึง และอบอุ่น
แต่ถ้าเป็นงานที่ใหญ่โต คนเยอะแยะมากมาย
ซึ่งมันก็จะมีทั้งคนที่เราสนิทและไม่สนิท
คนที่เรารู้จักและไม่รู้จัก
หลายๆคนอาจจะบอกว่า ก็ดีสิ ก็ไปสิ จะได้รู้จักคนเยอะๆ รู้จักคนที่เรายังไม่เคยรู้จักด้วย
อะไรประมาณนี้
แต่บางทีเราก็คิดว่า quality over quantity นะ
คือเราขอเลือกที่จะคบคนเฉพาะ กลุ่มเล็กๆเฉพาะคนรู้ใจ
ที่เราสนิท และสามารถคุยได้ทุกเรื่อง จะดีกว่า
ดีกว่าที่จะรู้จักผู้คนเยอะแยะมากมาย แต่ว่าไม่สนิทกับใครเลย
รู้จักกันที่รู้จักกันเพียงแค่เปลือกนอก ผิวเผือน เสแสร้งกันไปวันๆ
แบบนั้นหนะ น่าเบื่อจะตาย
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราไม่ชอบ
พี่คนไทยคนนี้และก็ลูกสาวเขาก็เชิญเรามา
เชื่อหรือไม่ว่า กว่าเราจะให้คำตอบได้คือต้องแบบว่านอนไม่หลับกันไปเลยคืนนึง
เพราะเราก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะไปหรือไม่ไปดี
เพราะพี่คนไทยคนนี้ก็เป็นคนที่เราให้ความรักและเคารพมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่มาอยู่เมืองนอกแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันถ้าเผื่อจะให้เราไปนั่งอึดอัด อยู่เป็น 2-3 ชั่วโมง เราก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
เพราะเรารู้ดีว่าคนไทยหลายคนที่อยู่เมืองนอก
“หลายๆคน” นะครับไม่ใช่ทุกคน
ส่วนมากแล้ว จะเจาะแจ๊ะ วุ่นวาย คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ
นินทากันไปวันๆ
หรือไม่ก็พูดเรื่องลามก แซวกันไปแซวกันมา ผิดกาลเทศะ
โดยส่วนตัวเราแล้ว เราไม่ชอบ
เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องบอกปฏิเสธพี่เขาไปตรงๆ
แต่เราก็บอกเค้าว่า ขอเป็น dinner งวดหน้าก็แล้วกัน ที่ไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา แล้วก็ครอบครัวของพี่เค้า
ขอเป็นอะไรที่ส่วนตัว ไม่ใช่งานใหญ่โต เวินเวอร์ อะไรประมาณนี้
เราจะได้คุยกันสนุกๆ เฉพาะคนรู้ใจ เฉพาะคนสนิท
แต่บอกได้เลยว่า
มันเป็นการที่ปฏิเสธที่ทำให้เราหนักใจมาก
คืนนอนไม่หลับไปคืนนึง
เพราะบางที การที่เราจะปฏิเสธใคร อะไร ยังไง
เราก็ต้องรักษาน้ำใจ อีกฝ่ายหนึ่งด้วย
ถ้าเผื่อไม่อย่างนั้นแล้ว คนเขาก็จะมองว่าเรา เป็นคนหยิ่ง
จองหอง ผยองพองขน
เป็นเด็ก ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่
อะไรประมาณนี้
ดังนั้นการที่เราจะปฏิเสธ ใคร อะไร ยังไง
มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆเลยนะ
ทักษะในการสื่อสาร
Skills of communication เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆ
ในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ไม่ง่ายเลยนะ กับการใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้...
คนที่เรารู้จักและไม่รู้จัก
หลายๆคนอาจจะบอกว่า ก็ดีสิ ก็ไปสิ จะได้รู้จักคนเยอะๆ รู้จักคนที่เรายังไม่เคยรู้จักด้วย
อะไรประมาณนี้
แต่บางทีเราก็คิดว่า quality over quantity นะ
คือเราขอเลือกที่จะคบคนเฉพาะ กลุ่มเล็กๆเฉพาะคนรู้ใจ
ที่เราสนิท และสามารถคุยได้ทุกเรื่อง จะดีกว่า
ดีกว่าที่จะรู้จักผู้คนเยอะแยะมากมาย แต่ว่าไม่สนิทกับใครเลย
รู้จักกันที่รู้จักกันเพียงแค่เปลือกนอก ผิวเผือน เสแสร้งกันไปวันๆ
แบบนั้นหนะ น่าเบื่อจะตาย
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราไม่ชอบ
พี่คนไทยคนนี้และก็ลูกสาวเขาก็เชิญเรามา
เชื่อหรือไม่ว่า กว่าเราจะให้คำตอบได้คือต้องแบบว่านอนไม่หลับกันไปเลยคืนนึง
เพราะเราก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะไปหรือไม่ไปดี
เพราะพี่คนไทยคนนี้ก็เป็นคนที่เราให้ความรักและเคารพมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่มาอยู่เมืองนอกแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันถ้าเผื่อจะให้เราไปนั่งอึดอัด อยู่เป็น 2-3 ชั่วโมง เราก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
เพราะเรารู้ดีว่าคนไทยหลายคนที่อยู่เมืองนอก
“หลายๆคน” นะครับไม่ใช่ทุกคน
ส่วนมากแล้ว จะเจาะแจ๊ะ วุ่นวาย คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ
นินทากันไปวันๆ
หรือไม่ก็พูดเรื่องลามก แซวกันไปแซวกันมา ผิดกาลเทศะ
โดยส่วนตัวเราแล้ว เราไม่ชอบ
เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องบอกปฏิเสธพี่เขาไปตรงๆ
แต่เราก็บอกเค้าว่า ขอเป็น dinner งวดหน้าก็แล้วกัน ที่ไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา แล้วก็ครอบครัวของพี่เค้า
ขอเป็นอะไรที่ส่วนตัว ไม่ใช่งานใหญ่โต เวินเวอร์ อะไรประมาณนี้
เราจะได้คุยกันสนุกๆ เฉพาะคนรู้ใจ เฉพาะคนสนิท
แต่บอกได้เลยว่า
มันเป็นการที่ปฏิเสธที่ทำให้เราหนักใจมาก
คืนนอนไม่หลับไปคืนนึง
เพราะบางที การที่เราจะปฏิเสธใคร อะไร ยังไง
เราก็ต้องรักษาน้ำใจ อีกฝ่ายหนึ่งด้วย
ถ้าเผื่อไม่อย่างนั้นแล้ว คนเขาก็จะมองว่าเรา เป็นคนหยิ่ง
จองหอง ผยองพองขน
เป็นเด็ก ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่
อะไรประมาณนี้
ดังนั้นการที่เราจะปฏิเสธ ใคร อะไร ยังไง
มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆเลยนะ
ทักษะในการสื่อสาร
Skills of communication เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆ
ในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ไม่ง่ายเลยนะ กับการใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้...
No comments:
Post a Comment