เคยถามตัวเองบ้างมั๊ยว่า อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
ไม่รู้สินะ รู้สึกว่า ทุกช่วงชีวิต เราจะมีคำตอบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นๆ
ตอนเป็นเด็กเราอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมาก แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ เราก็เริ่มที่จะคิด เริ่มที่จะวางแผนอะไรกับชีวิต และก็เริ่มที่จะเรียงลำดับความสำคัญของชีวิต ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดและถูก แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปทุกสิ่งทุกอย่างก็ยอมเปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีสิ่งไหนอยู่เหนือกาลเวลา
ชีวิตเราก็ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์นั้น และก็ต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญของชีวิตกันใหม่อยู่เรื่อยๆ
บางครั้งที่เรามีความสุขมากๆ เราก็อยากจะเก็บช่วงเวลาดีๆนั้นเอาไว้ อยากใช่มั๊ยหละ อยากเก็บเอาเวลาช่วงที่มีความสุขเอาไว้ อยากเก็บเอาไว้ในขวดแก้ว
ผู้คน หรือ สิ่งของต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับเรา ไม่มากก็น้อย ถ้าเราขาดใครบางคนหรือสิ่งของบางอย่าง เราอาจรู้สึกว่าชีวิตเราขาดหายอะไรไปเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราต้องไม่มองข้ามคนรอบๆข้าง หรือสิ่งของต่างๆที่อำนวยความสะดวกให้กับเรา
คนสมัยก่อนเมื่อสิ่งของพังจะนิยมเอาไปซ่อมจนกว่าจะซ่อมไม่ได้และจะไม่นิยมซื้อใหม่ ซึ่งผิดกับค่านิยมในปัจจุบัน เราสังเกตได้ง่ายๆจากวัตถุสิ่งของในปัจจุบัน คนเราชอบซื้อชอบใช้อะไรตามกระแสนิยม มือถือมั่งหละ รถมั่งหละ อวดกันเข้าไป มีเงินเมื่อไหร่ เปลี่ยนมือถืออีกแล้ว เปลี่ยนรถกันอีกแล้ว สรุปแล้วคิดว่าพวกสิ่งของวัตถุนิยมพวกนี้ มีความสำคัญกับชีวิตเรามากเลยเหรอ เรามาลอง เรียงลำดับความสำคัญของชีวิตกันใหม่น่าจะดีกว่ามั๊ย...
สิ่งของอะไรที่สำคัญ บุคคลคนใหนที่สำคัญกับชีวิตเรา ถ้าเรามาลองเรียงลำดับความสำคัญของชีวิตกันใหม่ และดูแลบุคคลเหล่านั้น สิ่งของเหล่านั้นน่าจะดีกว่านะ
สิ่งของและคนก็เหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น เราถ้าไม่ดูแลบุคคลและสิ่งของที่มีความสำคัญต่อเรา ถ้าเราไม่ดูแลจิตใจคนรอบข้าง หรือมัวแต่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวของเราแล้ว จนลืมคิดถึงความรู้สึกของคนรอบๆข้าง หากวันใดที่เค๊าไม่อยู่ แล้วเราก็จะรู้ว่า วันเวลา สิ่งของบางอย่าง เราไม่สามารถเรียกหวนกลับคืนมาได้
ของบางอย่างถ้าพังแล้ว ก็ถือว่าพังเลย ซ่อมไม่ได้
มิตรภาพใจบางอย่าง ถ้าได้พังแล้ว ก็ถือว่าพังเลย ซ่อมไม่ได้เหมือนกัน
ชีวิตมนุษย์เรา ถ้าได้ไปแล้ว ลาสังขารแล้ว เราก็เรียกกลับมาไม่ได้เช่นกัน
ฉันใดก็ฉันนั้น...
แนะนำให้ดูแลรักษาสิ่งของ และจิตใจของคนที่เรารักให้ดี เรียงลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูก
ก่อนที่จะสายจนเกินไป...
No comments:
Post a Comment