เราเคยมีเพื่อนบ้านที่เคยพักอยู่ชั้นล่างของตึก แต่ตอนนี้ได้โดนให้ย้ายออกจากตึกไปแล้ว สาเหตุเพราะว่า
- เล่นดนตรีตอนดึก หลัง 4 ทุ่ม หลังเที่ยงคืน และชอบทำเสียงดังโครมครามตอนดึกๆ เหตุผลเพราะเขาไม่พอใจเพื่อนบ้านข้างๆห้องที่อยู่ติดกัน
ส่วนเราเองไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาหรอก เพราะเราพักอยู่ข้างบนเพียงแต่ว่าครอบครัวเราต้องการนอนเวลากลางคืนหนะ เพราะเราเองต้องทำงานและลูกก็ต้องไปโรงเรียน พวกเราไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนพวกคนว่างงานเหล่านี้ หรือพวกรับจ้างทั่วไปที่บางทีก็มีงานทำมั่ง บางทีก็ไม่มี
เสียงดังดึกๆดื่นๆครั้งแรกเราพอทนได้ แต่บ่อยๆเข้า ชักได้ใจเพราะไม่มีใครร้องเรียน สุดท้ายทั้งเราและเพื่อนบ้านรอบๆข้างก็ได้ทำการร้องเรียนไปที่บริษัทที่ดูแลตึก และสุดท้ายฝรั่งคนนี้ก็ต้องย้ายออกพร้อมกับสุนัขของเขา
อดีตเพื่อนบ้านคนนี้มีรถตู้ที่เขาดัดแปลงให้เป็นบ้านเคลื่อนที่ เพราะเขาเคยคิดว่าจะขับรถไปรอบๆประเทศ ไปหารับจ้างตามเมืองนั้นที เมืองนี้ที และเล่นดนตรีตามผับ เล่ล่อนไปเรื่อยๆ เพราะหย่าแล้วกับเมีย ลูก 2 คนก็ไม่ได้ดูแล สรุปแล้วคือ ชีวิตเขาดูๆแล้วมันก็เป็นพวก "ชีวิตบัดซบ" เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลย มีแค่รถกับสุนัข 1 ตัว
การที่คนที่ออสเตรเลียจะหาบ้านเช่าได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเจ้าของตึกเองหรือบริษัทที่ดูแลตึกก็ต้องดูว่า คนที่จะมาเช่าตึกหรือเช่าห้องนั้น มีคุณสมบัติ มีศักยภาพทางการเงินสามารถจ่ายค่าเช่าได้ตลอดไปหรือเปล่า
ถ้าหากการงานไม่มั่นคง เขาก็หาที่เช่าได้ยาก
อดีตเพื่อนบ้านคนนี้ก็เลือกที่จะทำตัวเป็นพวกเล่ล่อน คือนอนอยู่ในรถ และไปเช่าที่จอดรถตาม caravan park ต่างๆ หรือไม่ก็จอดรถนอนตามที่จอดรถสาธารณะตามทะเล แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือ town council เองก็มีการห้ามจอดรถตามชายทะเล ในยามค่ำคืน เพื่อรักษาความเป็นระเบียบของเมือง
สุดท้ายชายคนนี้ก็ต้องย้ายที่จอดรถนอนตอนกลางคืนไปเรื่อย เพราะเดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็จะมาคอยไล่
ครั้นจะไปจอดตาม caravan park ถึงแม้ราคาจะถูกๆ ที่ Wollongong มีที่ให้จอดคืนละ $7 แต่บริษัท caravan park ก็ต้องการพวกที่จอดพักเป็นนักท่องเที่ยว คือมาจอดพัก 1-2 คืนแล้วก็เดินทางต่อ ไม่ใช่พวกเอารถตู้มาจอดพักเพื่อเป็นที่อยู่ถาวร สุดท้ายก็ต้องโดนไล่ออกจาก caravan park
ดูเอาเถอะคนเรา ถ้าทำตัวดี ไปที่ใหนคนก็รัก คนก็ชอบ แต่ถ้าทำตัวเป็นนักเลงกร่าง คอยหาเรื่องชาวบ้าน กัดคนนั้นที กัดคนนี้ที ต่อให้ไปอยู่ที่ใหนก็คงลำบาก
ทุกวันนี้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนที่นอน ที่จอดรถตู้ไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังอยู่แถว Wollongong เพราะเราเองก็ยังเห็นรถเขาวิ่งไปๆมาๆตามทะเล ตามที่จอดรถสาธารณะอยู่บ่อยๆ
ฝรั่งที่ "ชีวิตบัดซบ" หนะเหรอ มีเยอะแยะมากมาย พวกไม่เรียนหนังสือ ไม่มีทักษะในการทำงานในการทำมาหากิน สุดท้ายแล้วก็ต้องแบมือขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเงินภาษี เป็นหยาดเหงื่อจากการทำงานของพวกเรานี่แหละ
ไม่ว่าจะที่เมืองไทย ที่ประเทศออสเตรเลีย หรือที่ใหนๆก็ตาม ถ้าคนเราเกิดมาแล้วไม่ดิ้นรน ไม่ปากกัดตีนถีบ วันๆได้แต่นอนคอยวาสนา รอเงินหล่นลงมาจากฟ้า รอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ชีวิตเขาก็คงจะอยู่แค่นี้แหละ
สุดท้ายแล้วเขาก็คงต้องโทษตัวเขาเอง ที่ชีวิตเขาต้องมาเล่ล่อนตอนวัยกลางคน (ตอนปลาย) ถ้าหากเขาทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดี บอกได้เลยว่าคงไม่มีใครไปร้องเรียนและสุดท้ายก็ต้องโดนไล่ออกหรอก
ส่วนเรื่องการหางานทำก็เหมือนกัน คนเรานะถ้าอัธยาศัยดีสะอย่าง หนักเอาเบาสู้ คิดว่าต่อให้เขาไปหางานที่ใหนก็คงไม่มีปัญหา เพราะคนอัธยาศัยดีนะ คนอื่นสามารถรับรู้และสัมผัสได้ และคิดว่าทุกคนก็พร้อมที่จะให้งานทำ
แต่ก็ดูเหมือนว่าชายคนนี้เขาก็เลือกที่จะปล่อยทิ้งชีวิตของเขาไปวันๆด้วยการ ขับรถไปเรื่อยเปลื่อย นั่งๆนอนๆอยู่ในรถตู้ ดู TV เพราะเขาปรับรถตู้ทำเป็นแบบบ้านเคลื่อนที่ ดูๆแล้วชีวิตเขาก็คงต้องเล่ล่อนจากที่จอดรถที่หนึ่งไปอีกที่จอดรถที่หนึ่งแหละ
สุดท้ายแล้ว เขาก็คงต้องโทษตัวเอง เพราะทุกสิ่งอย่างที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตเขา เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาและเขาเองก็เป็นคนเลือกในสิ่งที่เขาทำและในสิ่งที่เขาเป็น
... เป็น...อยู่...คือ...
No comments:
Post a Comment