Wednesday, May 13, 2020

Love Yourself Like Your Life Depends On IT


เรา follow Tim Ferris ใน Twitter
ช่วงต้นปี 2020 เขาก็แนะนำหนังสือเล่มนี้ "Love Yourself Like Your Life Depends On IT"

เราก็เลยไม่รอช้า สั่งซื้อใน Amazon เลยครับ
แต่ก็กว่าจะได้หนังสือมาก็ Apr 2020 เพราะทางสำนักพิมพ์กำลังจะพิมพ์ฉบับปรับปรุง และเป็นปกแข็ง

คนเขียน; Kamal Ravikant
เป็นใครเหรอ 
hmmm.... ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่เอาเถอะ ถ้า Tim Ferris แนะนำให้อ่าน มันก็น่าลอง ก็เลย dig it in

เออ ก็ OK นะ
อ่านง่าย

concept ก็ประมาณว่าให้รักตัวเองนั่นแหละ
หนังสือเกี่ยวการรักตัวเอง มันเขียนได้ถึง 225 หน้าเลยเหรอ

อ๋อ มันก็มีบันทึกของเขาด้วยหนะจ๊ะ อยู่ด้านหลัง
จริง ๆ แล้ว เนื้อ ๆ ของหนังสือก็จะอยู่ด้านหน้า 2/3 ของหนังสือ

หนังสือเล่มนี้ก็เป็น expanded version จากเวอร์ชั่นแรก

เวอร์ชั่นแรกของเขาเป็น self-publish
คือเขียนเอง พิมพ์เอง นักเลงพอ
แล้วลงขายใน Amazon.com พอหนังสือเริ่มดัง สำนักพิมพ์ก็ติดต่อให้เขาเขียนเพิ่มในเวอร์ชั่นปรับปรุง เพราะเวอร์ชั่นแรกเขาบอกว่ามีประมาณแค่ 8,000 words

8,000 words เนี๊ยะ มันเหมือนเราเขียน essay ตอนเรียนปริญญาโทเลยนะ

หนังสือเล่มนี้ อ่านง่าย
มีอะไรให้ชวนฉุกคิด

หากเราสงสัยอะไรในตัวเองให้เราถามตัวเองว่า

"If I loved myself truly and deeply, will I do this?"

เออ มันก็เป็นประโยค เป็นอะไรที่ powerful นะ

Kamal เป็น CEO ของ angel investor ใน Silicon Valley
หลังจากถูกแฟนบอกเลิก เขาก็ค้นหาความหมายของการชีวิตอยู่

จากคนที่จมดิ่งอยู่ในเหวลึก เพราะโดนคนรักบอกเลิก ทั้ง ๆ ที่คนทั้ง 2 คนรักกันมาก เพราะเขารักอีกฝ่ายหนึ่งมากเกินไปไง จนลืมรักตัวเอง

สุดท้ายแล้ว คนเราถ้าจะทำอะไรนะ แล้วลองถามตัวเองว่า 

"If I loved myself truly and deeply, will I do this?"

มันก็ใช้ได้กับชีวิตจริงนะ

เราก็เลยนำเอามาใช้แล้ว

ก่อนที่หยิบอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันเข้าปาก เราก็ถามตัวเองว่า
"If I loved myself truly and deeply, will I do this?"

ในวันที่ยุ่ง ๆ นั่งอยู่หน้า computer ทั้งวัน เราเปลี่ยนชุดเตรียมจะออกไปวิ่งแล้ว บางทีก็ติดพัน นั่งตอบ email ต่อเป็นชั่วโมง จากการที่จะออกไปวิ่ง 3pm เลื่อนไป 4pm ถ้าไม่ลุกออกจากที่นั่ง มันก็ลากยาว

จนเราต้องถามตัวเองว่า
"If I loved myself truly and deeply, will I do this?"

เออ มันใช้ได้จริง ๆ 

Kamal ไม่ใช่นักเขียน
เขาเป็น business person ดังนั้นภาษาของเขาจะเป็นอะไรที่อ่านง่าย
แทบจะไม่ต้องแปลอะไรเลยจ๊ะ

Sunday, May 10, 2020

The Power of NOW


หนังสือ Practicing The Power of Now ของ Eckhart Tolle

huh ใครนะ ไม่เคยได้ยิน
เออ คือ เราไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อคนนี้จริง ๆ 
แต่ก็หยิบติดมือมาด้วยความบังเอิญ เพราะเราสัญญากับตัวเองว่า ทุก ๆ ครั้งที่เราเดินทางด้วยเครื่องบิน เราจะไม่นั่งทำงานในคอมพิวเตอร์ และถ้าบินไปเมืองไทย เราก็จะไม่ถือคอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะที่บ้านทุก ๆ ที่เราซื้อคอมพิวเตอร์ทิ้งเอาไว้หมดแล้ว (3 ที่ 3 เครื่อง)

เวอร์มั้ย

อาจจะ... 
แต่เราก็ชอบ travel light ไง ไม่ชอบหอบของหรือจัดของวุ่นวาย

มันก็เลยเกิด self promised เอาไว้ว่า ทุกครั้งที่มีการเดินทางด้วยเครื่องบิน เราจะเดินเข้าร้านหนังสือ แล้วต้องหยิบหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งติดมือมาด้วย หนังสือเล่มนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ช่าง ต้องซื้อติดมือมาด้วยอย่างน้อย 1 เล่ม เพื่อที่จะอ่านเวลารอขึ้นเครื่อง และเวลาที่อยู่บนเครื่องด้วย

อะไรประมาณนั้น
หรือถ้าบิน domestic ก็เอาไว้อ่านในโรงแรมด้วย

ปีนี้ Jan 2020 เรากลับเมืองไทยเพื่อไปงานของหลวงปู่ชาที่วัดหนองป่าพง เราก็หยิบหนังสือเล่มนี้มาด้วย

ก็เปิดอ่าน ๆ skim & scan มากกว่า ไม่ได้อ่านทุกตัวอักษร
ก็เริ่มอ่านตั้งแต่อยู่ที่สนามบินซิดนีย์ พอไปถึงสุวรรณภูมิก็อ่านจบแล้วจ๊ะ เพราะมันอ่านง่าย โดยเฉพาะคนที่เคยอ่านหนังสือพวกนี้มาก่อน พวก self-help บ้างหละ พวก spiritual บ้างหละ

โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกเฉย ๆ กับหนังสือเล่มนี้นะ
แต่ฝรั่งเขาก็อาจจะฮูฮา อะไรกันไปตามปรกติ เพราะเรื่องการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันเนี๊ยะ พวกเราชาวตะวันออก โดยเฉพาะคนที่นับถือพุทธเนี๊ยะ คือมันเรื่องปรกติเลยจ๊ะ

เราก็เลยแต่ skim & scan อ่านแบบผ่าน ๆ

ใจความสำคัญก็ประมาณว่า "อยู่กับปัจจุบัน" อะไรประมาณนี้

แต่ไหน ๆ ก็อ่านแล้ว ก็อยากจะเอาข้อคิดอะไรดี ๆ มาฝาก ที่จริง ๆ แล้วเราคนไทยส่วนมากก็รู้อยู่แล้วแหละ เราคิดว่านะ :)

Listen to the voice in your head, be there as the witnessing the presence (p.19).

The more you are able to honour and accept the NOW, the more you are free of pain, of suffering and free of the egoic mind (p.30).

The more you are focused on time; the past and future, the more you miss the NOW, the most precious thing there is (p.31).

Stress is caused by being "here" but wanting to be "there", or being in the present but wanting to be in the future. It's a split that tears you apart inside (p.50).

Know the reality of that moment and hold the knowing (p.94).

Somebody says something to you that is rude or designed to hurt. Instead of going into unconscious reaction and negativity, such as attach, defence or withdrawal, you let it pass right through you. Offer no resistance. It is as if there is nobody there to get hurt anymore. That is forgiveness. In this way, you become invulnerable (p.110)

hmmm.. ทำยากนะ นอกเสียจากว่าเราจะเป็นพระอิฐพระปูนไปเลย 

Nothing that was real ever died, only names, forms, and illusions (p.114).

In the state of surrender, you see very clearly what needs to be done, and you take action, doing one thing at a time and focusing on one thing at a time (p.119).

หนังสือเล่มนี้ ปกแข็ง
ราคา $22.99 (AUD)
142 หน้า

อ่านง่าย
คำศัพท์ไม่ยาก ใครอยากจะลองซื้อมาอ่าน เพื่อฝึกภาษาก็ทำได้นะครับ

...love...