Saturday, December 30, 2017

End of the year, ส่งท้ายปีเก่า


สิ้นปี วันส่งท้ายปีเก่า หรือวันขึ้นปีใหม่
จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ วันก็เหมือนกัน

วันไหน ๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ
ทุกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์เราสมมุติมันขึ้นมา

จะเฉลิมฉลอง หรือไม่ มันเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล
จะกินเหล้าเมายา มันก็เรื่องของใครมัน

แต่ก็ลองตั้งข้อสังเกตุดูว่า คนที่ชอบกินเหล้าเมายา กับคนที่ไม่แตะต้องสุรา (อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่เคย) ชีวิตเขาแตกต่างกันยังไง

จริง ๆ แล้วช่วงสิ้นปี เราก็คิดว่ามันเป็น good milestone ในการที่เราจะนั่งและคิดทบทวน self-reflection นะ เรื่องราวต่าง ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาตลอดทั้งปี มันสอนอะไรเราได้บ้าง

เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น ๆ อย่างไร
แล้วเราจะปรับปรุงหรือแก้ไขอย่างไร

ถ้าเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เราจะรับมือกับมันยังไง

New Year's Resolution เหรอ
จริง ๆ แล้วถ้าคนเรามีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน
รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่อใคร ทำไปเพื่ออะไร
เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมี New Year's Resolution

เพราะคนที่เขามีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน และเด่นชัด
ทุก ๆ วันคือ "resolution" จ๊ะ

ถ้าเราทำทุก ๆ วันให้ดีที่สุด
รู้เป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน
รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ก็นั่นแหละคือเป้าหมาย และ goals in life

New Year's Resolution:
- ฉันจะผอม, เราก็ต้องถามตัวเองว่า แล้วทำไมอ้วนตั้งแต่แรก
- ฉันจะออกกำลังกาย มี six pack, อ้าว ก็ทำไปเลยสิ ไม่ต้องมารอปีใหม่ ทำวันนี้เริ่มวันนี้
- ฉันจะดูแลพ่อแม่ให้ที่สุด, เฮ้ย ทุกวันคือวันพ่อ ทุกวันคือวันแม่ ถ้าจะมารอดูแลแค่ช่วงปีใหม่ เราก็คงต้องกระจกถามตัวเองแล้วหละ ว่าสุดท้ายแล้วเราเป็นคนยังไง
- .... and the list go on...

ก็เข้าใจว่าสถานะทางจิตใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างมุมมอง
แต่มุมมองของเราเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน

ก็เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง
เราจะรู้ได้ไงว่าเราจะมีชีวิตอยู่ถึงปีใหม่ ถึงวันพรุ่งนี้

อย่ารอให้ถึงปีใหม่
ทุก ๆ วัน ทำวันนั้นให้ดีที่สุดในแบบของเรา แล้วแต่สถานภาพของใครมัน ณ ตอนนั้น

อดีตมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไม่ได้
พรุ่งนี้มันยังมาไม่ถึง
ทำวันนี้ก่อน เอาวันนี้ก่อน ทำให้ดีที่สุด 

Be the best version of oneself.
...
...
โปรดอย่ามองที่ชุดขาวที่เราใส่
เพราะมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา
ให้มองลงไปให้ลึกถึงจิตใจของเรา

จอห์น เผ่าเพ็ง;  เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Friday, December 29, 2017

Gary Vaynerchuk, #GaryVee




ช่วงนี้เราไปไหนมาไหน ก็จะฟัง podcast ของ GaryVee ตลอด

Gary Vaynerchuk​ เป็น entrepreneur เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อใน US

Gary Vee เป็นนักธุรกิจที่ใช้ SocialMedia ในการทำธุรกิจ ในรุ่นบุกเบิกเลย

เขาทำ Video clip ลง YouTube​ ตอนที่ #YouTube เริ่มเปิดให้บริการเลย ใหม่ ๆ 6 เดือน

ตอนนี้เรามีมากกว่า 1,000 episode ใน YouTube กับธุรกิจ wine ที่เขาสร้างให้พ่อของเขา เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่พ่อและแม่ของเขาอพยพจากประเทศรัสเซีย มา US เพื่อมีชีวิตที่ดีกว่า

ตอนนี้ Gary Vee เป็น CEO ของบริษัท advertisement agency ที่ทำโฆษณาลงสือ social media

ลูกค้าของบริษัทเขาจะเป็นพวกบริษัทยักไหญ่ในอเมริกา

นอกจาก postcast แล้ว

Gary Vee ยังมีหนังสือ และก็มีในรูปแบบของ audiobook ด้วย
หนังสือเสียงเหล่านี้สามารถ download ได้ที่ Amazon.com​ Audible​

สำหรับ busy executive ทั้งหลาย ก็ลอง download audiobook พวกนี้มาฟังกันได้นะครับ

Crush It!, USD 20.06
#AskGaryVee, USD 33.87
The Thank You Economy, USD 26.35
Jab, Jab, Jab, Right Hook, USD 7.65

เกิดมาเป็นมนุษย์เราก็ต้องเลือกที่จะเรียนรู้ และลงทุนในชีวิตนะครับ
ไม่งั้นชีวิตเราก็จะย่ำอยู่กับที่
แต่ละวันสูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ

เห็นอะไรดี เราก็อยากแนะนำและบอกต่อ

จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Saturday, December 23, 2017

Christmas can be healthy too


Christmas สำหรับเราคือเทศกาลแห่งการกิน
นอกจากจะต้องกินกับเพื่อนร่วมงานแล้ว
เราก็ต้องกินกับเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
แล้วก็ต้องกินกับเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน เพราะลูกลิงเล่นด้วยกันด้วย

มีสังคมหลายกลุ่มที่เราต้องเข้า
บางวันก็มี Christmas lunch กับเพื่อนที่ทำงาน
วันต่อมาก็เป็น Christmas dinner ที่บ้านเพื่อน กับเพื่อนสนิท

อะไรประมาณนี้

ช่วงนี้เรา  fussy ในเรื่องการกิน
จะเรียกว่า fussy หรือเปล่าเราไม่รู้นะ แล้วแต่ใครจะคิด
เอาเป็นว่าเราเลือกที่จะหยิบอะไรใส่ปาก ใส่ร่างกายเราละกัน

ก็เหมือนรถนั่นแหละ เลือกเอาจะเติมน้ำมันแบบ E10, unleaded 91 หรือ unleaded 95, 98 อะไรก็ว่าไป

เติมแบบไหน ได้แบบนั้น

ร่างกายเราก็เหมือนกัน you are what you eat
กินอะไรเข้าไป แล้วก็ไม่ต้องมาบ่นว่าอ้วน ก็เลือกที่จะกินเองหนิ
ไม่ต้องไปโทษใคร ให้โทษตัวเองที่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ฉลาดที่จะเลือกกิน

ไปร้านอาหาร เราก็สามารถเลือกสั่งอะไรที่ lean และก็ healthy ได้

ไป Christmas dinner ที่บ้านเพื่อนสนิท
ถ้าสนิทกันมากพอ เราก็บอกเขาได้ สั่งเขาได้
เอานะ เราไปมาหาสู่กันมา 13 ปีแล้ว
เพื่อนก็เป็น chef ทั้งสามีและภรรยา อยากกินอะไรสั่งได้ เขาชอบทำอาหารอยู่แล้ว

เราก็เลย SMS  ไปบอกเพื่อนว่า ปีนี้ฉันขอเน้นผักละกัน เธอทำอะไรก็ทำไป ทำผักเผื่อฉันละกัน เพิ่มจากปีที่แล้วนิดหนึง อะไรประมาณนี้ 

ใช่จ๊ะ ยังใช้  SMS อยู่เลย เพื่อนเป็นชาวต่างชาติ เขามี apps ของเขา เขาไม่ได้ใช้ apps คล้ายกับของเรา

เอ๊ะเราไปสร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนเราหรือเปล่านะ
ไม่นะ ก็ร่างกายนี้เป็นของเรา
เราเลือกที่จะกินแบบนี้
ถ้าเราไม่ดูแลร่างกายเราตอนนี้ ไปดูแลตอนแก่ ก็คงจะสายเกินไปละมั้ง

ใครอยากกินมันหมู หมู 3 ชั้น เขาก็มีนะ ก็กินไปสิ ไม่ได้ห้าม

Christmas dinner ปีนี้เรามาแปลก
Green tea instead of coffee
Apple instead of muffin (น้ำตาลเยอะ) อะไรประมาณนี้

ก็โชคดีที่เพื่อนกลุ่มนี้ คนที่เป็น host เขาเป็น chef ก็เลยไม่มีปัญหา

แต่ถ้าเพื่อนกลุ่มจากมหาลัย ก็จะออกแนว BBQ, อันนั้นเราสั่งอะไรไม่ได้ ก็พยายามหลีกเลี่ยง red meat เอา เน้น seafood แทน

กับเพื่อนกลุ่มมหาลัย ก็จะออกแนวเข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วมาตาม no choice เพราะเพื่อนมหาลัย เป็นเด็ก computer science จาก UOW; University of Wollongong, เด็ก nerd แต่ละคนทำกับข้าวไม่เป็นหรอก รวมถึงตัวเราด้วย BBQ ย่าง ๆ ปิ้ง ๆ จับโยน จับวาง หนะพอได้... no choice จริง ๆ 

Christmas ก็เป็นฤดูกาลแห่งการพบปะสังสรรค์
พบปะสังสรรค์ด้วยสตินะครับ

...รักนะ...

จอห์น เผ่าเพ็ง; เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Thursday, December 21, 2017

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่



กับชีวิตการทำงานที่มันวุ่นวายและสับสน
ก็มีบ้างที่เรามองข้ามสิ่งสวยงามเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบกายเรา

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารัก
คนที่คอย support หรือสนับสนุนเราในหลาย ๆ เรื่อง

สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ บางสิ่งบางอย่าง
เรา take it for granted หรือมองข้ามสิ่งนั้นไป
เพราะว่าทุก ๆ วันสิ่งของเหล่านั้นมันก็มีอยู่แล้วของมัน

มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน

ต้นไม้ที่สวยงาม มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน เราก็มองข้ามมันไป

ทะเลหรือภูเขาที่สวยงาม มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน เราก็มองข้ามมันไป

อาจจะด้วยชีวิตการทำงาน
หรือ lifestyle ในสังคมปัจจุบัน
ที่เราจะต้องแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น

หรือมัวแต่ทำงาน ทำมาหากินเลี้ยงชีพ
จนลืม และก็มองข้ามสิ่งสวยงามต่าง ๆ ที่อยู่รอบกาย
ก็เพราะสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ มันก็อยู่ที่เดิมของมันทุกวัน

บ่อยครั้งนักที่เรามองข้ามกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้

บางที เราก็ควรจะหยุด หันซ้ายแลขวา แล้วก็ appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ที่เรามีอยู่

วันนี้เราขอบคุณกับสภาพแวดล้อมที่เรามีอยู่ในปัจจุบันแล้วหรือยัง

วันนี้เราขอบคุณกับคนที่เขาอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของเราแล้วหรือยัง

วันนี้เรารู้สึกโชคดีหรือเปล่าที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อม และบรรยากาศที่สวยงาม ของบางสิ่งบางอย่าง มันก็มีของมันอยู่แล้ว

แต่เราก็มองข้าม
มองไม่เห็น หรือเลือกที่จะไม่มอง

ภูเขาลูกนี้สวยงามนะ
ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ภูเขาลูกนี้มันก็อยู่ของมันที่เดิม เราก็ขับรถขึ้นลงเป็นประจำทุกวัน

จะเคยไหม ที่เราจะหยุด แล้วก็ดื่มดำกับความสวยงามเหล่านี้ที่อยู่รอบ ๆ ข้างกายเรา

บางที่ชีวิตมนุษย์เรา มันก็ช่างน่าสมเพชจริง ๆ นะ

สิ่งของสวยงามอยู่ใกล้ ๆ แค่เอื้อม บางทีเราก็มองไม่เห็น

เหมือนกับคนที่รักเรา คนที่คอย support เรา

บางทีเราก็มองไม่เห็นความดีของเขา ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้น ก็เป็นในแบบที่พวกเขาเป็น ทำในสิ่งที่เขาทำทุก ๆ วัน คือ suppot เรา บางทีเราก็มองข้ามพวกเขาไป

อย่าลืมบอกรักคนข้างกายเราทุกวันนะครับ
บอกให้เขาได้รับรู้ แสดงออกให้เขาเห็น ว่าเขาเป็นที่รักของเรา
ว่าเขามีคุณค่าสำหรับเรา

กับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้มีอุปการะคุณที่ดูแลเรามา ก็เหมือนกัน
อย่าลืมบอกรักพวกเขาทุกวันเช่นเดียวกัน

ทำความดี รักและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในวันที่เขามีชีวิตอยู่

เพราะในวันที่เขาไปแล้วเราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่
appreciate กับทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเรา

ทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบ ๆ กายเราทำงานด้วยกันอย่างเป็นระบบ

ไม่ว่าจะเป็นระบบร่างกาย
ระบบจักรวาล
ระบบสิ่งแวดล้อม
ระบบครอบครัว

ทุกสิ่งอย่างมันคือ “ระบบ”
ทุกสิ่งอย่างมันคือ “system”

ทุกสิ่งอย่างมันต้องอยู่ด้วยความสมดุล
ทุกสิ่งอย่างมันต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
ทุกสิ่งอย่างมันมีที่มาและที่ไป
ทุกสิ่งอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมัน

ก็เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

วันนี้เรามีชีวิตอยู่

ขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่เลวร้าย ที่เราก็ถือซะว่ามันเป็นประสบการณ์ และก็เรียนรู้กันไป

ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่สวยงาม เราก็ควรจะขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่มันเกิดขึ้นในชีวิต

วันนี้เราขอบคุณกับทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบข้างกายเราแล้วหรือยัง

วันนี้เราบอกรักกับคนที่อยู่ข้างกายเราแล้วหรือยัง

บอกรักคนข้างกาย คนในครอบครัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ของตาย

appreciate กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามีอยู่

ด้วยรัก...จาก จอห์น เผ่าเพ็ง; เพราะฉะนั้นมัน ถึงเป็นเช่นฉะนี้

Sunday, December 17, 2017

ข้อดีของการมีสาขาอาชีพที่แตกต่าง


การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ โดยส่วนตัวแล้ว เราแนะนำให้ลองทำอะไรสัก 2 อาชีพที่ฐานลูกค้าแตกต่างกัน ก็ดีนะครับ

เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ชีวิตเราก็จะเดิม ๆ
เจอแต่ลูกค้ากลุ่มเดิม ๆ

ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับหมู่คนเดิม ๆ
โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียแล้ว

โอเคนะสาขาอาชีพบางอาชีพ เราก็ทำงานกับคนไทย
อย่างเช่น เปิดร้านอาหารไทย ร้านนวดไทย student agent ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย

Immigration Agent ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย

จริงๆแล้วลูกค้าเยอะมันก็ดีนะ

แต่บางทีเราก็อยากได้ different perspective of life บ้างเหมือนกัน

ได้ทำงานกับฝรั่งบ้างก็ดี
มีลูกค้าเป็นฝรั่งบ้างก็ดี

ได้ทำงานกับชาวต่างชาติบ้างก็ดี
มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติบ้างก็ดี

เราจะได้มีมุมมองที่แปลกใหม่ด้วย
ไม่ใช่อะไรก็ความคิดแบบไทย ๆ เดิม ๆ same same

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะครับ
ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ interact กับคนไทยมากที่สุด ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

มันแตกต่างจากการ interact กับฝรั่ง กับชาวต่างชาตินะ
แนวคิดและ perspective of life ก็แตกต่างกันออกไปด้วย

เราก็ถือว่าโชคดี
เพราะงานที่ทำ งานหนึ่งก็ interact กับคนไทยเป็นส่วนใหญ่
อีกงานหนึ่งก็ interact กับฝรั่งเป็นส่วนใหญ่

เรามีความรู้สึกว่า ทุกอย่าง balance และลงตัวดี
มันทำให้ชีวิตเราไม่ซ้ำซากหรือจำเจ
มันทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่างออกไป

มันทำให้เราได้สัมผัสชีวิตคนอีกหลายรูปแบบ

ถ้าเผื่อใครมีโอกาส


ก็อยากจะลองให้ทำงาน หรือมีสาขาอาชีพ ซัก 2 อย่าง
ที่มันแตกต่างกันออกไปนะครับ

งานหนึ่งอาจจะเป็น full time
อีกงานหนึ่งอาจจะเป็น part time

หรืออาจจะ part time ทั้ง 2 งานก็ได้
แล้วแต่สถานการณ์ของใครมัน

Sunday, December 10, 2017

Stereotype


เมื่อวานเราได้มีโอกาสไปเข้าสัมมนา เกี่ยวกับกฎหมาย Immigration ของประเทศออสเตรเลีย

คนที่จัดสัมมนาคราวนี้ เป็นทนายความคนจีน

นี่เป็นครั้งแรกที่เราไปเข้าสัมมนาที่จัดโดยทนายความคนจีน

เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราไม่มีความศรัทธานายทนายความคนจีนเท่าไหร่

มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่บังคับกันไม่ได้นะ

แต่เมื่อวานนี้ ทนายความคนจีน ที่จัดสัมมนา
ได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดของเราไปหลายอย่างเหมือนกัน

ทนายความคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา
ไม่ซิกแซก
ไม่เล่ห์เหลี่ยม
ไม่เจ้ากล
ไม่เจ้าเล่ห์

เหมือนทนายความคนจีนทั่ว ๆ ไปแถว Chinatown

คือบอกตามตรงเลยว่าเราไม่มีความศรัทธากับการทำงานของทนายความคนจีนหรือ Immigration agent คนจีนในแถบ Chinatown เลย

แต่ทนายความคนนี้
เป็นบุคคลที่มีความรู้

เท่าที่ฟังคร่าว ๆ คือ เขาเรียนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวะมาจากเมืองจีน

แล้วก็มาเรียนกฎหมายเพิ่มเติมที่นี่ที่ไปออสเตรเลีย
เราไม่แน่ใจว่าจบปริญญาตรีทางด้านกฎหมายที่นี่หรือเปล่า
แต่ที่รู้ ๆ ก็คือ เขาจบปริญญาโททางด้านกฎหมาย และก็ pHD ที่นี่

แค่ฟังจากการพูดการจา ความคิดและปรัชญาชีวิตและการทำงานแล้ว

เราก็รู้เลยว่าเขามีความรู้ เขาแตกต่างจะทนายความคนจีนหรือ Immigration Agent คนจีนทั่วทั่วไปในแถบ Chinatown

บางทีมันก็สำคัญนะ ที่เราจะไม่ stereotype หรือ generalisation ใครบางคน

แต่ปกติแล้ว มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ส่วนใหญ่
ที่หลีกหนีไม่พ้นการ stereotype หรือ generalisation

แต่ประสบการณ์จากเมื่อวาน
มันทำให้เราคิด แล้วก็เปิดใจให้กว้างมากขึ้น

เพราะจริงๆแล้วก่อนที่เราจะเลือกลงสัมมนาครั้งนี้

เราก็คิดแล้วคิดอีกนานอยู่เหมือนกัน

เพราะสัมมนาแต่ละครั้งมันก็มีค่าใช้จ่าย และเวลาที่เสียไปทั้งวัน

แต่เมื่อวานถือว่าเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามาก

เราได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย

รวมไปถึงคนที่ไปเข้าสัมมนาด้วยเมื่อวาน

ทุกคน professional มาก
ทุกคนนำเอาความรู้และประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
ไม่มีใครกั๊กความรู้หรือหมกเม็ด

มันทำให้บรรยากาศของงานสัมมนา เป็นไปอย่างราบรื่นและ productive
มันเป็นบรรยากาศของงานสัมมนาที่อยากให้เรากลับไปอีก

ในงานสัมมนาเมื่อวาน มีหลายคนมากที่เขาเคยเข้างานสัมมนาของทนายความจีนคนนี้

แล้วเขาก็กลับเข้ามาใหม่

มันจึงไม่แปลกเลย
สินค้าดีทุกคนก็อยากกลับเข้ามาใช้
สินค้าดีทุกคนใช้แล้วก็อยากบอกต่อ


มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์เลยจริงๆ

ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเผื่อเราไม่เปิดใจให้กว้าง

เมื่อวานเราก็จะไม่ได้มีโอกาสเจอทนายความที่เก่ง ๆ ได้เจอคนทำงานในแวดวงเดียวกันที่เก่ง ๆ

มีจรรยาบรรณที่คล้ายกัน

มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกัน

จากประสบการณ์ในครั้งนี้

มันสอนให้เรา เป็นคนที่เปิดใจให้กว้างมากกว่านี้

ไม่ด่วนตัดสินใครโดยที่ไม่ศึกษาให้รู้จักเค้าเสียก่อน

ลองเปิดใจให้กว้างกันดูนะครับ
แล้วโอกาสดี ๆ
สิ่งดี ๆ

จะเข้ามาในชีวิตเรา

Sunday, November 12, 2017

โปรดอย่ามองเห็นเราเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง


โปรดอย่ามองเห็นเราเฉพาะตอนที่เราอยู่บนที่สูง
ให้ถามว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ทุกสิ่งอย่างในชีวิต ไม่ได้ได้มาอย่างง่ายดาย

มันต้อง work hard
มันต้องฝ่าฟันอุปสรรค
มันต้องมี self-discipline  

และอะไรหลาย ๆ อย่างมากมาย

มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด หรือมองเห็น

เพราะอะไรที่ได้มาง่าย ๆ มันก็ไม่ค่อยมีคุณค่าหรอก

ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เงินทองไม่เคยหล่นลงมาจากฟากฟ้า
ปริญญาไม่ได้เอาไก่แลก

ทุกสิ่งอย่างมันมาจาก ทั้งหยาดเหงื่อ แรงงานและคราบน้ำตา

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเดินไปทางฝั่งฝัน

หนทางไม่เคยง่ายอย่างที่ได้หลายคนคิด
หนทางจะต้องมีอุปสรรค
บ่อยครั้งมาก ที่อยากจะหยุด

แต่ก็คิดว่า ไม่หยุดแหละ
ถ้าวิ่งไม่ไหว ก็ค่อย ๆ เดินไป มันก็คงจะถึงเส้นชัยของมันเอง
อาจจะช้าบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราอาจจะไม่ได้รีบอะไรมากมาย
ก็ enjoy the journey of life ในระหว่างข้างทางของชีวิต ที่กำลังดำเนินต่อไป

ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันมีที่มาและที่ไป
Where the focus goes, the energy flows.

หากเราตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างแล้ว
หากเรามีความมุ่งมั่น มันก็คงต้องสำเร็จ
หรือถ้าหากมันไม่สำเร็จ มันก็คือเป็นอีกหนึ่งบทเรียน
ที่จะทำให้เรา ใกล้ความสำเร็จเข้าไปอีก 1 ก้าว

เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเดินไปทางฝั่งฝัน
อย่าเพิ่งหยุด อย่าเพิ่งท้อ

ทุกปัญหามีทางออกของมันเสมอ
หากเราเจอทางตัน ลองก้าวถอยหลังสัก 1 ก้าว
แล้วลองมองหันซ้าย แลขวา

เราอาจจะเห็นทางออก
เห็นแสงสว่าง
เห็นความหวังก็ได้

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน (รวมทั้งตัวเราเองด้วย)

ก็เพราะ คนไทยอยู่ที่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้

เพราะฉะนั้น  มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

จาก... จอห์น เผ่าเพ็ง...

Saturday, November 11, 2017

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


กับการประสบความสำเร็จ ของหน้าที่การงาน
จริง ๆ แล้ว ของพวกนี้ มันเป็นแค่ภาพลวงตา
มันก็แค่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป

เราไม่จำเป็นต้องไปยึดติด อะไรกับมันมากมาย

หากเราไม่ยึดติดกับสิ่งใด ชีวิตเราก็จะ free

เพราะหากเราไม่ยึดติด ชีวิตเราก็จะไม่ติดยึด
สมการชีวิตง่ายๆ

วันนี้เราประสบความสำเร็จได้
พรุ่งนี้เราก็สามารถที่จะล้มเหลวได้

ฉันใดก็ฉันนั้น

คนเราไม่ควรจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยความประมาท

คนเราจำเป็นต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริงตลอดเวลา

ทุกสิ่งอย่าง มันมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

มีคนรักก็มีคนชัง

คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ
มันเป็นเรื่องปกติของชีวิตนี้

มันไม่มีอะไรที่ราบรื่นไปหมดสะทุกเรื่อง
ชีวิตคนเราไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ไปหมดซะทุกเรื่อง

หากเราใช้ชีวิตอยู่บนรากฐานของความไม่ประมาท
เราก็จะสามารถตั้งมือรับได้กับทุกสถานการณ์

ฉันใดก็ฉันนั้น

ก็เพราะชีวิตคนเรา เป็นสิ่งที่น่าค้นหา เป็นสิ่งที่น่าศึกษาและค้นคว้า

ทุกสิ่งอย่างมีเหตุและผล ในตัวของมันเอง
เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

...ด้วยรัก... จาก จอห์น เผ่าเพ็ง

Monday, October 30, 2017

The danger of success


The danger of success
มีด้วยหรอ ความอันตรายจากความสำเร็จ

เรื่องราวของแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองที่แตกต่างนะ
หลายคนอาจจะมองความสำเร็จ เป็นชัยชนะ
แต่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันมีอีกมุมมองที่แตกต่าง

ความสำเร็จ อาจจะทำให้เราประมาท เลินเล่อ
คิดว่าตัวเองเก่ง
คิดว่าตัวเอง invincible

ซึ่งเป็นอะไรที่อันตรายมาก
เพราะคนที่คิดว่าตัวเขาเก่งแล้ว
เขาจะขาดการเรียนรู้
ขาดการที่จะต้องการปรับปรุง หรือหาความรู้อะไรใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต

จริง ๆ แล้วการที่คนเรา fail บ้าง
ล้มเหลวบ้าง
พลาดพลั้งบ้าง
มันก็จะทำให้คนเรารอบคอบมากยิ่งขึ้นนะ
มันก็จะทำให้คนเราทำอะไรด้วยความไม่ประมาท

ช้า ๆ แต่ว่ามั่นคง

ทุกสิ่งอย่างในชีวิต
ทุกเหตุการณ์ในชีวิต
มันคือประสบการณ์

และมันคือบทเรียนอันทรงค่า

เราจะต้องมองความล้มเหลว พลาดพลั้ง fail
ว่าจริง ๆ แล้วเหตุการณ์เรานี้มันมีค่ายิ่งนัก

เราสามารถเรียนรู้จากทุกเหตุการณ์ในชีวิตที่มันเกิดขึ้นกับเราได้
ขอเพียงแค่เราเปิดใจให้กว้าง
มีมุมมองที่แตกต่าง

แล้วมองโลกด้วยความเป็นจริง
มองโลกด้วยสติ

แล้วชีวิตเราก็จะสามารถดำเนินไปได้ด้วยความสุข

Being humble and see things from different perspective.

ด้วยรักจาก: จอห์น เผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Tuesday, October 17, 2017

Decision, not procrastination



Decision คือการตัดสินใจ
การตัดสินใจคือ คิดแล้วลงมือทำ เดินหน้าต่อไปกับสิ่งนั้น ๆ 
ไม่มีถอย

Decision ไม่ใช่แค่คิดว่า "ควรจะ"
ฉันควรจะทำอย่างนั้น
ฉันควรจะทำอย่างนี้

ไม่ใช่

ถ้าเป็นแบบนั้น มันเป็นแค่การคิด
ไม่ใช่การตัดสินใจแล้วลงมือทำ

Decision คือการตัดสินใจ ลุย แล้วลงมือทำ

คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก คือคนที่เขา "ตัดสินใจ" ทำอะไรสักอย่าง แล้วลงมือทำ

ไม่ใช่แค่คิดเฉย ๆ 

คิด แต่ไม่มี action ไม่มีการกระทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์

Procrastination คือการคิดหาเหตุผลหรือข้ออ้าง ว่าทำไมเราถึงไม่ควรทำสิ่งนั้น เราถึงไม่ควรทำสิ่งนี้

คิดหาเหตุผลอยู่นั่นแหละ
ไม่ทำอะไรกับชีวิตสะที

ชีวิตก็เลยย่ำอยู่กับที่

หลาย ๆ คน procrastinate เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ง่าย ก็แค่หาเหตุผลและข้ออ้างมา support ว่าทำไมเราถึงไม่ควรทำสิ่งนี้ นั่น นี่ โน่น

ง่ายจะตาย ก็ไม่ต้องทำอะไรไง

มันถึงเป็น comfort zone
เป็น buble ที่หลาย ๆ คนไม่ยอมออกมาเสียที

Procrastination กับ Decision
เป็นอะไรที่ตรงกันข้ามอย่างลิบลับ  180 องศา

ชอบแบบไหน เลือกเอาแบบนั้น
แล้วชีวิตเราก็จะได้แบบนั้น

วันนี้เราตัดสินใจ
คิดทำอะไรสักอย่างแล้วหรือยัง

Make decision and stick with it.
Make your move.

เพราะนี่แหละคือ “ชีวิต”


คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องเคยเจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย
ชีวิตคนเราไม่มีใครสมหวังไปหมด
ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ก็เพราะนี่คือรสชาติของชีวิต

บางครั้งเปรี้ยวดังมะนาว
บางครั้งหวานปานน้ำผึ้ง

แต่มนุษย์เรามีศักยภาพที่เลือกที่จะคิด และเลือกที่จะจำ
เฉพาะกับสิ่งที่สวยงาม
เฉพาะกับสิ่งที่จรรโลงใจ

ปัญหาอุปสรรคทุกอย่างมีเอาไว้เพื่อแก้ไข
มันจะทำให้ชีวิตเราเข้มแข็งขึ้น

ถ้าทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันเรียบง่ายไปหมดซะทุกอย่าง
ชีวิตคนเราก็คงจะขาดรสชาติ

เป็นชีวิตที่น่าเบื่อ

หากเราสามารถมองปัญหาและอุปสรรคทุกอย่าง
มองให้เห็น ว่านี่คือกำไรของชีวิต
นี่คือบทเรียนของชีวิต
นี่คือประสบการณ์ของชีวิต

แล้วชีวิตของคนเรา ก็จะสามารถก้าวข้ามปัญหาทุกสิ่งอย่าง ไปได้อย่างง่ายดาย

ปัญหามีเอาไว้เพื่อแก้
ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ

แก้กันไปทีละจุด แก้กันไปทีละเปลาะ
และแล้วปัญหาทุกอย่างก็จะลุล่วง ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

เพราะนี่แหละคือ “ชีวิต”

#จอห์นเผ่าเพ็ง  #เพราะฉะนั้น   #มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

ก็เลือกแล้วที่จะอยู่ในที่แจ้ง


ก็เลือกแล้วที่จะอยู่ในที่แจ้ง
เราเป็นคนเลือกเอง

ไม่มีใครเลือกให้

หากโดนกระทบกระทั่ง นั่น นี่ โน่น
เราก็ต้องทั้งอด และทน

ใช่มั้ย

ก็เพราะว่าชีวิตนี้ เราเลือกทางเดินนี้แล้ว

ก็คงต้องเดินหน้าต่อไป

ก็เพราะประสบการณ์ทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาในชีวิต
มันคือกำไรชีวิต
มันขึ้นอยู่กับการเลือกมุมมองต่างหากหละ

ทุกวินาทีของชีวิต เราสามารถมีความสุขได้

เราเลือกได้
ก็เพราะว่าชีวิตนี้เป็นของเรา

อย่าให้ปัจจัยภายนอกมากระทบกระทั่งเราได้

Now, I am a voice.
I will lead, not follow.
I will believe, no doubt.
I will create, not destroy.
I am a force for Good.
I am a leader.

Defy the odds.
Set a new standard.

#จอห์นเผ่าเพ็ง  #เพราะฉะนั้น  #มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Monday, October 9, 2017

Where the focus goes, energy flows


Where the focus goes, energy flows.

ถ้าเราตอนนี้ focus หรือ concentrate เรื่องไหน

พลังงานและ energy ของเราก็จะไป focus อยู่กับเรื่องนั้น

อย่างเช่นช่วงนี้เราเองก็ focus เรื่องการออกกำลังกาย หรืออาหาร cleanse & detox อะไรประมาณเนี๊ยะ

เราจะเอาตัวไปอยู่ตาม facebook group ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

และก็พวกอาหารที่เป็นพวกผัก ผลไม้

วัน ๆ ก็จะมี feed ที่เกี่ยวกับเรื่องที่เราอยากเรู้
และก็ได้เข้าไปอ่าน post ของคนนั้น คนนี้ (เป็นภาษาอังกฤษจ๊ะ)

ซึ่งก็ดีนะ ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่น ๆ

เราอยากมีความรู้เรื่องอะไร ก็ต้องเอาตัวเราเองไปแวดล้อมอยู่กับคนเหล่านั้นนะครับ

แล้วเราจะค่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศดี ๆ และสิ่งแวดล้อมบวก ๆ เข้ากับชีวิต

ได้ idea และแนวคิดใหม่ ๆ เยอะแยะ มากมาย

ดีกว่าเราตัวเราเองไปอยู่ตามกลุ่มสังคมซุบซิบ
สังคมเผือกบ้างเอย
สังคมแฉบ้างเอย
สังคมกระเป๋าแบร์นเนมเงินผ่อนบ้างเอย

อะไรทำนองเนี๊ยะ

ชีวิตนี้เป็นของเรา
ชอบแบบไหน ก็เลือกเอาแบบนั้นนะครับ
เลือกแบบไหน ก็ได้แบบนั้นนะครับ

...อยากจะให้เก็บเอาไปคิดกัน...

...รักนะ...

Saturday, September 2, 2017

สงสารมากจนไม่ลืมหูลืมตา


ทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง

อะไรที่มากเกินไป ก็ไม่ดี
อะไรที่น้อยเกินไป ก็ไม่ดี

ความรัก ความสงสาร ความเมตตา ก็เหมือนกัน

เฮ้ย... มีด้วยเหรอ

รักมาก ไม่ดี
สงสารมาก ไม่ดี
เมตตามาก ไม่ดี

อะไรที่มันมาก ๆ เกินไป มันก็จะกลายเป็นความไม่พอดี ไม่พองาม

เป็นอะไรที่ไม่ลืมหูลืมตา
ไม่ได้มองโลกหรือเหตุการณ์จากความเป็นจริง

ความเป็นกลาง

สาเหตุเพียงเพราะว่า

เขาน่าสงสารจังเลย
เขาด้อยโอกาสจังเลย

อยากช่วยเหลือเขาจังเลย
อยากให้เขาได้ลืมตาอ้าปากได้จังเลย
อยากให้เขาได้มีอะไรที่เท่าเทียมกับคนอื่นจังเลย

มันก็เลยกลายเป็นว่า
มีอะไร ทุ่มให้เกือบหมดตัว

และก็คิดเอาง่าย ๆ 
หาเหตุผลง่าย ๆ 

ว่า

ไม่เป็นหรอก
เราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้

จริง... คนเราตายไปแล้ว เอาอะไรไปไม่ได้จริง ๆ 
คนเราเกิดมาตัวเปล่า เราก็ไปตัวเปล่าจริง

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะกลายเป็นพระเวทสันดร
ให้ทุกอย่าง
ทุ่มไม่อั้น

เพราะใครบางคนเอง ก็อาจจะไม่คู่ควรกับสิ่งที่เขาได้รับก็ได้
มันก็เลยกลายเป็นอาการ

ฉัน... อะไร ยังไง ก็ได้
เพราะฉันมีคนที่รัก สงสารและเมตตาฉัน
เดี๋ยวฉันก็จะได้รับสิ่งนั้น นั่น นี่ โน่น จากเขาเอง
เพราะเขาคงสงสารและเมตตาฉัน

สรุปแล้ว เราสร้าง monster ขึ้นมาอีกตัวหนึ่งหรือเปล่า

เพียงเพราะว่า 

เราหวังดีมากเกินไป
รักมากเกินไป
สงสารมากเกินไป
เมตตามากเกินไป

อะไรที่มันมากเกินไป
มันก็ทำให้เรามองเห็นมุมมองแค่ด้านเดียว

ไม่ได้มองอะไรเป็น bird's eye view, 360 องศา

ทำตัวเหมือนกบกะลา
หรือลูกกบน้อยในบ่อน้ำเล็ก ๆ small little pond
ร้องอ๊บ ๆ ไป อ๊บ ๆ มา

แล้วก็เออ ออ ห่อ หมก
เอาเป็นความคิดของเขาถูกต้อง

เพราะความคิด ความเห็นและความอ่าน มันถูกปกปิดและปิดทับไปด้วย

ความรัก
ความสงสาร
ความเมตตา

ที่มันมากเกินไป...

อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ต่างกับยาพิษหรอกนะ

ก็แค่อยากให้เก็บเอาไปคิดกัน

ก็เพราะมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าค้นหา ศึกษา และค้นคว้า

เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Monday, August 28, 2017

ว้าเหว่หรือว้าวุ่น


มีใครบางคนบอกเราว่า ทำตัวแบบนี้ เจ้ากี้เจ้าการ ทุกอย่างต้องโปร่งใส ทุกอย่างต้องการมีการตรวจสอบได้

ระวังจะว้าเหว่

ถ้าให้เลือกระหว่างความว้าเหว่ กับความวุ่นวาย

เราขอเลือกเอาความว้าเหว่ละกัน

จริง ๆ แล้วการที่ได้อยู่เงียบ ๆ อะไรคนเดียว มันไม่ใช่ว้าเหว่นะ
ดีสะอีก

แสดงว่าเราจะได้อยู่กับตัวเรามากขึ้น
อยู่กับปัจจุบัน
อยู่กับตัวเอง

อยู่กับคนที่เราคิดว่าสำคัญกับเรา

เพราะหลายคน ก็หลายเรื่อง
มากคน ก็มากเรื่อง

แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง
มีมุมมองที่แตกต่าง

ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ
ทุกคนจะหาเหตุผลมา support ความคิดเห็น และการกระทำของตัวเองเสมอ

ว้าเหว่ ไม่ว้าวุ่น

บางทีการเจ้ากี้เจ้าการของเรา ก็เพราะอีกฝ่ายหนึ่งชอบทำอะไรตามอำเภอใจหรือเปล่านะ

จนบางทีขาดความเกรงใจ

หรือว่าเป็นเพราะมีใครถือหางหรือเปล่านะ
คนที่ถือหาง ก็ถือเพราะความสงสารและเห็นใจหรือเปล่าเราไม่รู้

แต่คำว่าสงสาร
ก็ต้องตั้งอยู่เป็นความพอดี
ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป

เพราะอะไรที่มากเกินไป ก็เป็นพิษ
เพราะอะไรที่หย่อนเกินไป ก็เป็นพิษ

ใครบางคนเลือกที่จะทำตัวน่าสงสาร
พูดจาอ่อนหวาน
ปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ

หลอกคนอื่นได้
แต่หลอกตังเองไม่ได้นะจ๊ะ...

แต่ก็นั่นแหละ

ต่างความคิด
ต่างมุมมอง
ต่างความคิดเห็น

ก็เพราะมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าค้นหา ศึกษา และค้นคว้า

เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Thursday, August 24, 2017

A journey of life

เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ใกล้ ๆ คุณพ่อ

เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับออสเตรเลียแล้ว

เมื่อวานเรากับน้องสาวก็เลยพูดคุยกับพยาบาลหญิง หรือแพทย์หญิงเราก็ไม่รู้นะ

เพื่อที่จะได้ข้อมูลและเข้าใจสถาการณ์ของคุณพ่ออย่างแท้จริง

เรายืนซักไซร้ไร่เรียงกับ พยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นนานมาก

ประมาณ 1 ชั่วโมง

คนที่บ้านบอกว่า อย่าพูดนาน เกรงใจเขา

แต่เราคิดว่ามันเป็น conversation ที่สำคัญ

ให้พยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นอธิบายอย่างหมเปลือก เราจะได้หายสงสัย

เราจะได้ไม่ต้องมีอะไรคาใจก่อนเดินทาง

และเราจะได้ไม่ต้องคอยถามบ่อย ๆ ในช่วงที่เราอยู่ที่เมืองไทย

เมื่อได้พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นแล้ว รู้สึกว่าเราเข้าใจอะะไรต่าง ๆ ดีขึ้น

เพาะปกติแล้วเราก็มัวแต่ concentrate ไปที่คุณพ่อ และอาการอะไรต่าง ๆ นั่น นี่ โน่น


เมื่อวานก็เลยมีโอกาสได้เปิดอกพูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น

เขาได้ให้แง่คิดอะไร ต่าง ๆ นานา เยอะแยะมากมาย

เพราะพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้นทำงานอยู่ที่ศูนย์ ICU อยู่แล้ว

คือเขามีประสบการณ์และผ่านสถารการณ์อะไรต่าง ๆ นานา มาเยอะแล้ว

เรากับน้องสาวก็ได้เรียนรู้อะไร ใหม่ ๆ เยอะแยะมากมาย
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

รู้สึกว่าครอบครัวทุก ๆ คน เริ่มมีความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ นานา ที่คล่อย ๆ ปรับเปลี่ยน

เพราะคุณหมอบอกว่า ยังไงเสีย คุณพ่อก็คงไม่กลับมาพูดคุยกับเราได้เหมือนเดิม


ตอนนี้ท่านรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดคุยด้วย

เพียงแต่ท่านไม่สามารถโต้ตอบกลับได้


ดังนั้นเรามีอะไรที่จะต้องพูดคุยกับท่าน เราสามารถพูดได้ เพราะท่านได้ยินและรับรู้ตลอด


มันอึดอัดนะ

ในฐานะของคนเป็นลูก เพราะเราไม่รู้ว่า ณ ตอนนี้คุณพ่อต้องการอะไร

เพราะเราอยู่ไกล อยู่ต่างประเทศ

เราก็ได้แต่อาศัยข้อมูลจากน้องสาวว่า คุณพ่อเคยสั่งเอาไว้แบบนี้ แบบนั้น แบบโน้น


แต่เราในฐานะลูกชาย และเป็นพี่คนโต

เราอยากจะถามว่า จริงเหรอพ่อ ลูกอยากจะ confirm อะไรประมาณเนี๊ยะ

เพราะเราก็ต้องตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่าง


แต่คุณพ่อก็ได้แต่นอนนิ่ง ๆ ไม่มีการพูดจาโต้ตอบ

เราก็ได้แต่ถามน้องสาวเอาไว้ว่า คุณพ่อพูดเอาไว้จริงเหรอ นั่น นี่ โน่น

เราจะได้พูดกับพ่อได้ถูกต้อง เพื่อให้พ่อหมดห่วง


ดังนั้นเราแนะนำทุกคนนะครับ

ก่อนเป็นอะไรไป เขียน your last day wishes เอาไว้ก็ดี

เราไม่ได้พูดถึงพินัยกรรมหรือมรดกนะ


เพราะพวกเราจัดการกันเรื่องนั้น ตั้งแต่ตอนที่คุณพ่อยังแข็งแรงอยู่แล้ว

แต่ your last day wishes ควรเป็นประมาณว่า เราต้องการให้อีกฝ่ายทำอะไรให้ ก่อนที่เราจะจากไป อะไรประมาณเนี๊ยะ


มันเป็น harsh reality นะ
แต่เป็น reality ที่ทุกคนต้องเผอิญ

ดังนั้น ทุกคน เตรียมการเอาไว้บ้างก็ดี

หลังจากที่ได้พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น มุมมองและวิธีการคิดเราก็เปลี่ยน

วันนี้ตอนเช้า ก็เลยพูดกับพ่ออีกแบบหนึ่ง เพื่อให้พ่อปล่อยวาง

ไม่ต้องห่วงคนที่อยู่

เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าเราปล่ายวางได้ดีกว่าคุณพ่อเราสะอีก


เพราะเราไม่รู้ว่า สรุปแล้วคุณพ่อเป็นห่วงใครมั่ง

จนน้องสาวบอกว่า คุณพ่อเป็นห่วง คนนั้น คนนี้ คนโน้น

เราก็เลยต้อง re-assured กับคุณพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา เราจะดูแลพวกเขาเอง


สุดท้ายแล้ว คุณพ่อ จะอะไร ยังไง เมื่อไหร่ เราไม่รู้

รู้แต่ว่า เรา, น้องสาว และทุกคนในครอบครัว ก็เตรียมพร้อมกับการรับมือนะ


ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากที่พูดคุยกับพยาบาล/แพทย์หญิงท่านนั้น รู้สึกว่าทุกอย่างมันมีทางออก

และทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน


ก็เพราะชีวิตคือการเดินทาง


คุณพ่อใกล้จะถึงเส้นชัยชีวิตแล้ว

เราต้อง appreciate the journey of life ของคุณพ่อในช่วงชีวิตที่ผ่านมา


วันนี้ชิวิตรู้สึกโล่ง และปลดล๊อค และหมดห่วงไปอีก 1 เปราะ

Friday, August 18, 2017

ก็เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าเป็นอะไรที่ productive นะ

ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการบริหารชีวิต

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เป็นบรรยากาศของการนั่งทำงานเงียบ ๆ
ก็นั่งทำงานหน้า computer

เช้า ๆ ก็มีออกกำลังกายบ้าง ก่อนเริ่มทำงาน
บ่าย ๆ วันไหนพอมีแรงก็ออกกำลังกายบ้าง

ไม่ได้รอออกกำลังแค่ช่วง weekend เหมือนแต่ก่อน

ไม่ค่อยรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเวินเวอร์เหมือนแต่ก่อน
ก็รับสายเฉพาะของลูกค้านะ

ก็อาจจะรับสายแปลก ๆ มั่ง
เฉพาะเวลาที่เราออกไปวิ่งออกกำลังกาย อะไรประมาณเนี๊ยะ
ถือว่าเป็น multi tasking ไปก็แล้วกัน

แต่เวลาที่นั่งทำงานเนี๊ยะ ขอ concentrate เฉพาะที่เป็นงานของลูกค้า จริง ๆ จะดีกว่า

อยากจะให้คำปรึกษาทุกคนนะ
อยากจะช่วยเหลือทุกคนนะ

แต่บางทีบ่า 2 บ่า ที่เราต้องแบกรับภาระชีวิตคนเอาไว้
มันก็หนักเหมือนกันนะ

และเราก็ต้องการให้งานออกมาดี
เพราะทุกอย่างที่ทำ ทำด้วยใจจริง ๆ

เราต้องการ quality over quantity มากกว่า

คิดว่าเป็นอะไรที่ลงตัว
เพราะมันไม่ทำให้ชีวิตเราวุ่นวาย

แน่นอนว่าชีวิตมันต้องโดนถากถาง
แต่คิดว่า ชีวิต และ จิตใจเลยจุดนั้นมาแล้ว

เพราะรู้ดีว่า ทุกสิ่งอย่าง มันมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป
ความรู้สึกพวกนี้ก็เช่นเดียวกัน

มันมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป

ดังนั้น เราก็ขอ focus และ concentrate เฉพาะ positive energy ก็แล้วกัน
มองข้าม ก้าวข้าม คำพูดถากถางพวกนั้นสะ

แล้วชีวิตก็จะมีความสุข
เพราะว่าเรา focus ไปอะไรที่ดี ๆ เท่านั้น

แล้วทุกคนหละ มองข้าม ก้าวข้าม คำพูดถากถาง หรือสิ่งแย่ ๆ กันหรือยัง

อย่าลืมนะครับว่า ชีวิตนี้เป็นของเรา
อย่าให้ใครมากุมบังเหียนชีวิตเรา
เราต้อง take charge และ in control of your life

เพราะชีวิตนี้

"ทุกข์" มันก็เป็นของเรา
"สุข" มันก็เป็นของเรา

แล้วเราจะเลือกอะไร ระหว่าง สุข กับ ทุกข์

วันนี้เราเลิกแบกทุกข์กันหรือยัง??

ค้นหาความสุขในชีวิตที่แท้จริงให้เจอ
อยู่กับตัวเองให้มาก

แล้วเราก็จะรู้ว่า
สุดท้ายแล้ว ความสุขมันอยู่ที่ใจเรานี่เอง

...รักนะ...

จอห์นเผ่าเพ็ง เพราะฉะนั้น มันถึงเป็นเช่นฉะนี้

Tuesday, August 15, 2017

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

ไม่ว่าจะเป็น
ความรัก โลภ โกรธ หรือหลง

หลาย ๆ คนอาจจะมองข้าม "ความหงุดหงิด"

แล้วความหงุดหงิดหละ
เราถือว่าเป็นความโกรธหรือเปล่า

เราคิดว่าคงไม่นะ

หงุดหงิด ไม่ถึงกับโกรธ

หงุดหงิด เป็นอาการของความรำคาญมากกว่า
หรือการคาดหวังอะไรจากใคร หรือจากอะไรบางสิ่งบางอย่าง แล้วไม่ได้อย่างที่หวัง

หากเมื่อไหร่เราเกิดความหงุดหงิดขึ้นในใจ
รับรู้ เท่าทัน ตัดความคิดนั้นออกทันที

หรือหากหาทางแก้ไม่ได้ วิธีที่ดีสำหรับเรา คือ เข้านอน
เดี๋ยวตื่นเช้าขึ้นมา ความคิดและสถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเอง

เพราะการที่เราไปมุ่งมั่นและจดจ่อกับอะไรบางอย่าง
มันเหมือนไปการไปเติมเชื้อไฟให้มัน

และมันก็สุมไหม้จิตใจเรา
โดยเฉพาะความคาดหวังอะไรจากใครคนอื่น

อย่าลืมนะครับว่า
เราเปลี่ยนแปลงอะไร ใครคนอื่นไม่ได้
นอกจากตัวเราเอง

หากเราคาดหวังอะไร จากใครสักอย่าง และมันไม่เป็นไปตามอย่างที่หวัง บางทีมันก็อาจจะฤกษ์งาม ยามดี ที่เราจะต้องมาลองนั่งคิด พิจารณาเข้าไปให้ลึก ถึงจิตใจและความนึกคิดของเรา

ว่าเราคาดหวังอะไร จากอีกฝ่ายที่เขาไม่รู้ตัวเลยหรือเปล่า
อย่าลืมว่า มุมมองชีวิต และการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เราคงจะคาดหวังอะไรให้ทุกคน ทุกสิ่งอย่าง เป็นไปตามที่คาดหวังไม่ได้

หากเราไม่ได้อะไรอย่างที่หวัง มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของ อาการหงุดหงิด และความรำคาญ ที่มันเกิดขึ้นมาในจิตใจ

เป็นไฝเผาใจเราเอง

ดับไฝในใจง่าย ๆ ด้วยการไปนอน 
นอนเสร็จตื่นมา รู้สึกว่าความคิดมันผ่อนคลายขึ้น

จริตของแต่ละคน อาจจะไม่เหมือนกัน
แต่ของเรามันเป็นแบบนี้

ถ้าหากพยายามแล้ว ลองทำแล้ว ที่จะดับไฟในใจ มันร้อนรุ่ม มันดับไม่ได้ เพราะมัน peak สุด

ทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้อง "นอน"

เราเชื่อว่า ทุกอารมณ์และความรู้สึก มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

ไฟสุมทรวง อารมณ์หงุดหงิด ก็เช่นเดียวกัน
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะ เดี๋ยวมันก็ดับไป

ตื่นขึ้นมา เริ่มต้นวันใหม่ เราคิดว่า
ชีวิตมันสดใสกว่าเดิมนะ


Saturday, August 12, 2017

plan ชีวิตรายวัน


วัน ๆ หนึ่งมันผ่านไปเร็วนะ
ถ้าเราไม่จัดการชีวิต
ไม่วาง plan เอาไว้ว่าแต่ละวัน เราจะทำอะไรมั่ง

วัน ๆ หนึ่งเนี๊ยะ มันเสียไปโดยสิ้นเปล่าเลยนะ

เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นมา clear และจัดการชีวิต นั่น นี่ โน่น

ก็ plan เอาไว้คร่าว ๆ ว่าวันนี้ต้องทำอะไรมั่ง
ส่วนจะได้ตามที่ plan หรือเปล่านั้น นั้นคงอีกเรื่องหนึ่งแล้วหละ

แต่อย่างน้อยเราก็ plan ละกัน

ชีวิตคนเราของแต่ละคน การใช้ชีวิตใน 24 ชั่วโมงอาจจะไม่เหมือนกัน

ชอบแบบไหน เลือกเอาแบบนั้นนะครับ
เอาที่สบายใจ

แต่ plan และทำอะไรเพื่อตัวเองด้วยละกัน
เพราะตัวเราเอง วันนี้ก็ plan เยอะเหมือนกันนะ

ทั้งเรื่องงาน
เรื่องดูแลตัวเอง (ออกกำลังกาย)

ไอ้ตัวหลังนี่แหละ ไม่รู้จะได้ทำสักกี่น้ำนะ
แต่ก็จะลองดู
ดีกว่าไม่ลองอะไรเลย

อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ต้องพึ่งหมอ หนะ


If you fail to plan, you're plan to fail นะครับ