Sunday, June 24, 2012

มันจะอะไรกันนักกันหนา

เนื่องด้วยว่าเราทำธุรกิจร้านอาหารด้วย เราก็ได้มีการสังเกตุเห็นว่า ลูกค้าส่วนมาก 99.99% ที่มาทานอาหารที่ร้าน จะมีมือถือ หรือ tablet กันแทบทุกคน ในขณะที่นั่งรอเพื่อน หรือนั่งรออาหารก็เอาหละ จะส่ง SMS หรือ facebook กันบนมือถือกันจังเลย หรือบางคนก็เล่นเกมส์ ที่น่าสนใจมากก็คือ มีครอบครัว พ่อกับแม่เป็นหมอและหมอฟัน ลูกสาวเรียน Computer Science ก่อนหน้านั้น เค๊าก็เรียน private high school ที่แพงที่สุดในเมืองนี้ พอ family นี้มานั่งปุ๊บ ทั้งสามคนก็จะควักมือถือออกมาจากกระเป๋าทันที โอ้โห เล่นเกมส์ครับพี่น้อง ทั้งพ่อ แม่ และลูก เล่นกัน 3 คนเลย ไอ้เราก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี๊ยะ กับการใช้มือถือเนี๊ยะ คนเรามานั่งทานอาหารด้วยกัน มันควรจะเป็นเวลาที่คนในโต๊ะอาหารนั้น spend a quality time ด้วยกัน ก็มานั่งทานข้าวด้วยกันแล้ว ก็น่าจะคุยกัน socialize กันไม่ใช่เหรอ

การที่คนเรามานั่งทานข้าวด้วยกันเนี๊ยะ มันควรจะเป็นเวลาที่แต่ละคนคุยกัน update ซึ่งกันและกันว่า แต่ละคน มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันนั้น ได้ทำอะไรมามั่ง พวกชอบเล่น facebook ก็เหมือนกัน แทนที่จะ update status ตัวเองใน facebook หนะ update กับคนรอบข้างก่อนดีกว่ามั๊ย

technology เป็นสิ่งที่ดี ถ้ารู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์

Tuesday, June 19, 2012

สงสารคนหา บ้างหรือเปล่า

อะไรเอ่ย เมื่อเวลาอยากได้ก็โทรมา กริ๊ง กริ๊ง

hmmmmm เงินทองเนี๊ยะ หายคนคงเอาง่ายๆว่า มันหล่นลงมาจากฟ้ามั๊ง
จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์มันหามายาก มันมาจากการที่ต้องวิ่งไปโน่น วิ่งไปนี่ ขับรถไปโน่น ขับรถไปนี่ ทำงานนั้นเสร็จ ก็มาทำงานนี้ต่อ

ทำงานที่เมืองนอกได้เงินเป็นเป็น ดอลลาห์ คนที่เมืองไทยก็เลยเหมาเอาง่ายๆหละสินะ ทำงานอะไรนิดหน่อยก็ได้ตังค์หละ แต่จะมีสักกี่คนที่เมืองไทยรู้ว่า ค่าครองชีพที่นี่แพง เงินหามาได้ง่าย แต่รายจ่ายก็เยอะ ต้องประหยัดจริงๆถึงจะมีเงินเก็บ

คนใช้ไม่ได้หา คนหาไม่ได้ใช้ เพราะว่าคนที่หามาได้ เค๊ารู้ว่ากว่าจะได้ตังค์มาแต่ละที ต้องทำงานหนักขนาดใหน แต่คนที่ใช้หนะเหรอ ก็ไปเห็นคุณค่าอะไรหละ ถ้าเค๊าไม่ได้หามาด้วยตัวของเขาเอง


อยากจะรู้จังเลยว่า ไอ้คนที่ใช้เนี๊ยะ เค๊าสงสารคนทีหากันหรือเปล่า
อยากจะรู้จริงๆ

หรือว่า บางทีการที่เรา จะไม่สนใจใครเลย ก็น่าจะดีเหมือนกัน หนีออกไปอยู่ตามป่า ตามเขา ก็น่าจะดีเหมือนกัน โลกนี้วุ่นวายหนอ โลกนี้ยุ่งเหยองหนอ

เคยได้ยินเพื่อนบอกว่า "ignorance is a bliss" ท่าทางมันคงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย

Thursday, June 14, 2012

คนเราเนี๊ยะมันแตกต่างกันจริง

วันนี้ไอ้เราก็เร่งรีบเพราะมีสอบ สอบเริ่มตอน 9:20am แต่เราเพิ่งจอดรถเสร็จตอน 9am เมื่อเวลามันจวนตัว เราก็เริ่มสับสนว่า เอ๊ะ เวลาเริ่มสอบทำไมมาเริ่มเอาตอน 9:20am ซึ่งไม่ค่อยจะ make sense เลยนะ หรือว่า มันเริ่มตอน 9am วะ พอคิดได้แค่นั้นแหละ ก็รีบก้าวเดิน กึ่งวิ่งเลยหละ

พอมาถึงตรง shopping mall และก็เจอพวก junky แต่งตัวซกมก ผมเผ้าไม่หวี อ้วนๆ แล้วก็ดันนั่งกิน chip แถมจังแจกให้นก seagull กินด้วยอีกต่างหาก

พอเห็น เราก็หมดอารมณ์เลยครับ ในใจก็คิดว่า ไอ้เรานะ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ตื่นตี 4 มาอ่านหนังสือ อ่านแบบไม่หยุดเลยจนถึง 8:30am คือแบบว่า 4 ชั่วโมงครึ่งครับพี่น้อง ไอ้เรานะก็พยายามเรียนเพื่อที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มความรู้ ในขณะที่คนบางกลุ่ม ทำตัวเป็นขยะสังคม เป็รเหลือบเป็นไรของสังคม เห็นแล้วเบื่อ เห็นแล้วเซ็ง ทำไมรัฐบาลไม่จัดการอะไรสักอย่างกับคนพวกนี้นะ สงสารคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หาเงินจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลมั่งเถอะ

Monday, June 11, 2012

เลขา online

ช่วงนี้งานเยอะมากเลย ไม่ว่าจะงานสอน งานที่ร้าน งานอิมมิเกรชั่น และใหนต้องสอนลูกๆทำการบ้านด้วย

พอดี holiday ที่ผ่านมา ไปเที่ยว New Zealand กันกับครอบครัว แล้วเผอิญได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งน่าสนใจดี วางขายที่ bookstore ในสนามบินที่ Sydney ชื่อหนังสือ "The 4-Hour Work Week" ก็คิดในใจว่าเป็นหนังสือที่น่าจะซื้อมาอ่าน แต่ไม่ได้ซื้อเลยตอนนั้น ก็รอกลับจาก holiday แล้วสั่งซื้อ online เพราะถูกกว่า

เวลาว่างส่วนมากก็อ่านในห้องน้ำเพราะจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อะนะ

อ่านมาถึง chapter ที่เกี่ยวกับการ "outsource your life" ซึ่งก็น่าสนใจดี concept คือ อะไรที่เราสามารถ outsource ได้ และถ้า outsource ได้ในราคาที่ถูกก็น่าที่จะทำ เพราะตอนนี้โลก technology มันไปใหนต่อใหนแล้ว เราสามารถ outsource งานบางอย่าง online ได้ แถมเงินเราเป็นเงิน dollar ซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งอยู่แล้ว จ้าง outsource จาก India, China, Philippines ได้อย่างถูกเลยแหละ เราก็เลิกเอาประเทศที่เค๊าภาษาอังกฤษแข็งแรงก็แล้วกัน เวลาสั่งงานจะได้ไม่มีปัญหา

พี่ J ก็เลยทดลอง search ใน Internet ดู ก็มีหลายบริษัท มีหลายราคา พี่ J ก็เลยกะทดลองสัก 1 week ปรากฏว่า งานเราเบาไปเยอะเลย งานที่พี่ J outsource ไปก็เป็นงานง่ายๆ ให้เลขา online พวกนี้ทำ powerpoint เตรียมการสอนให้ แทนที่เราจะเสียเวลาเตรียม powerpoint เอง เราก็บอกเลขาว่าทำแบบนี้ แบบนี้นะ งานออกมาดีมากเลย เพราะพี่ J ทดลองจ้างหลายๆคนในเวลาเดียวกัน เราไม่ต้องการคนใหน เราก็ click cancle contract ได้ตลอดเวลา technology นี่เป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ

เราสามารถเช็คได้ตลอดว่าช่วงเวลาที่เลขาเราทำงานให้เราเนี๊ยะ เค๊าทำอะไรมั่ง เพราะทุกอย่างที่หน้าจอเค๊าจะโดน screen capture ส่งเข้า account พี่ J หมดเลย เราก็นั่งดูพวกเขาเหล่านั้นนั่งทำงานกัน

week แรกจ้างมาเกือบ 10 คน แต่ละคนก็เรียนสูงๆ เรียน Uni กันมาทั้งนั้น พวกนี้เค๊าก็แค่มาทำ part-time หาเงินเป็น pocket money เฉยๆ เราสามารถกำหนดได้ว่า week หนึ่งเราจะให้เค๊าทำงานให้เรากี่ชั่วโมง เพราะพวกนี้เค๊าก็รับ job ของคนอื่นด้วย พี่ J ก็จะเช็คและเลือกเอาคนที่มี project ไม่เยอะ หรือไม่มี project เลย เค๊าจะได้ทำงานให้เราเต็มที่

สาเหตุที่ week แรกจ้างมาเยอะ เพราะมีหลายวิชาสอนที่พี่ J ต้องทำ powerpoint เลขาแต่ละคนก็เลยทำแต่ละวิชา แต่ละบทการเรียน ไม่ซ้ำกัน

ตอนนี้ก็ลดลงเหลือแค่ 3 คนแล้ว

แต่ก่อนต้อง spend time หา worksheet หาแบบฝีกหัด ให้ลูกๆทำเพิ่มเติม ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เลขา online จะหามาให้ เราก็บอกเค๊าเป็น weekๆ ไปว่า เราต้องการ topic อะไรให้ลูกเรา ประหยัดเวลาเราไปเยอะเลย เราก็ได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ไปดู DVD ไปนั่งคุยกับกับครอบครัว ชีวิตสบายๆ ไม่เร่งรีบ ไม่เหนื่อย

เลขา online บางคนก็ทำ powerpoint เตรียมการสอนให้เรา
บางคนก็ดูแลเรื่องหาแบบฝีกหัดเพิ่มให้ลูกเรา

ทำไมเราต้องทำชีวิตเราให้มันวุ่นวายด้วยหละ

ใครบอกว่าชีวิตเราออกแบบไม่ได้หละ ชีวิตเราหนะออกแบบได้ outsource ได้