Tuesday, December 29, 2009

ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ต้องพึ่งตัวเราเอง

เคยมีบ้างมั๊ยที่เราคาดหวังอะไรไว้กับใคร สุดทั้ายก็ต้องผิดหวัง เพราะตนที่เราคาดหวังอะไรบางอย่าง หวังจะพึ่งพาบางสิ่งบางอย่าง สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเป็นคนลงมือเอง ให้ใครช่วยอะไรมากไม่ได้ งานของเรา สิ่งที่เราต้องการ สุดท้ายจริงๆแล้ว เรานั่นแหละทำเองดีที่สุด จริงๆพี่เจเองก็รู้นะว่า งานที่เราต้องการหรืองานที่เราอยากได้หนะ เราทำเองดีที่สุด เพราะยังไงเสียคนอื่นทำก็ไม่ถูกใจอยู่ดี แต่บางทีเรามีงานบางชิ้น เราก็อยากจะแบ่งปันให้น้องๆทำ จริงๆเราทำเองก็ได้ แต่อยากให้น้องเค๊ามีรายได้มากกว่า ก็เลยให้เค๊าทำ สุดท้ายก็ต้องผิดหวังครับ เพราะงานบางชิ้นนะ พี่เจทำเองได้ 3 วันเสร็จ ค่อยๆทำไปด้วย ไม่เร่งรีบ แต่บางทีเราเอางานให้น้องๆทำ เวลาก็ผ่านไป วันแล้ววันเล่า งานชิ้นนั้นก็ไม่เสร็จสะที ทำได้แค่วันละนิดวันละหน่อย ไม่ใช่ว่าน้องๆไม่มีเวลานะ แต่น้องๆบริหารเวลาไม่เป็นต่างหากหละ เวลาหมดไปกับการปาร์ตี้ เล่นป๊อกเด้ง กิน เที่ยว ไร้สาระ สรุปครับ พี่เจก็คงต้องลงมือเองแล้วหละ

ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้เรารู้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว เรานั่นแหละทำงานของเราดีที่สุด บางทีเราอยากจะช่วยเด็กๆ ช่วยน้องๆ เค๊ามองไม่เห็นกันหรอก เพราะเค๊ามัวร่าเริงอยู่กับงานปาร์ตี้ต่างๆของเค๊า

Monday, December 28, 2009

ทำธุรกิจ ทุกอย่างต้องมีสัญญา

มีน้องหลายคนสนใจที่จะทำธุรกิจที่ออสเตรเลีย พี่เจก็ขอแนะนำว่า จะทำอะไรก็ตามแต่ ทุกอย่างต้องมีสัญญา หรือ contract อย่าทำอะไรกันปากเปล่าเพราะว่ารู้จักกัน หรือเชื่อใจกัน เพราะเวลามีปัญหาหรือทะเลาะอะไรกันขึ้นมา มันก็จะยุ่งเหยิงและยุ่งยากกันไปหมด โดยเฉพาะใครก็ตามแต่จะทำธุระกิจร่วมกับคนอื่น หรือทำเป็นหุ้นส่วน ก็ต้อง make sure ว่า เงินที่เอาลงกันมาเป็นเงินมาลงทุน ไม่ใช่ยืมมา อะไรทำนองเนี๊ยะ ทุกอย่างต้อง make it clear เป็นสัญญาหรือ contract เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเวลาเกิดปัญหาอะไรกันขึ้นมา ก็ให้ refer ถึงสัญญาที่เซ็นกันเอาไว้

ที่ออสเตรเลีย จะทำอะไรก็ต้องมีการเซ็นสัญญา เอกสารทุกอย่างถือว่าเป็น legal document ซึ่งมีผลผูกมัดทางด้านกฏหมาย และทนายความดีที่นี่ก็มีเยอะ อยากแนะนำว่าจะทำอะไรให้ทนายความเป็นคนร่างหนังสือสัญญาให้ จะดีที่สุด ให้จำไว้เสมอว่า "เสียน้อย เสียยาก เสียมาก เสียง่าย"

Sunday, December 27, 2009

การเลือกคบเพื่อน

น้องๆหลายคนเคยสังเกตุหรือไม่ว่า คนที่นิสัยคล้ายกันก็จะมักที่จะอยู่ในกลุ่มๆเดียวกัน น้อยนักที่เราจะเห็นคนนิสัยตรงกันข้ามกัน ไปด้วยกัน หรือคบกันเป็นเพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนก็คงแค่แบบว่าเพื่อนธรรมดา อาจจะไม่ได้สนิทมาก หรือเพื่อนบางคนที่ดูผิวเผินภายนอกนิสัยแตกต่างกัน แต่ลึกๆ ถ้าศึกษาให้ดี พวกเค๊าเหล่านั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกัน ถึงจะคบกันเป็นเพื่อนได้

ดังนั้นการที่เราจะเลือกคบเพื่อนสักคนเนี๊ยะ สำคัญนะ เพื่อนจะจูงมือกันทำให้ชีวิตเจริญ อย่างเช่น กัลยาณมิตร หรือเพื่อนจะคอยแต่ดึงเราให้ต่ำลง ซึ่งแบบนี้ก็มีเยอะ พี่เจแนะนำว่า ถ้าเราไม่ชอบเพื่อนคนใหน หรือนิสัยไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ต้องฝืนคบครับ คบไปก็เสียเวลา มันไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นมา พี่ว่านะ เพื่อนเนี๊ยะ เค๊าดูกันที่ quality ไม่ใช่ quantity เพื่อนคนใหนนิสัยไปกันไม่ได้ แนะนำถอยห่าง แล้วชีวิตเราจะเบา โล่ง สบายอย่างบอกไม่ถูก นี่เขียนจากประสบการณ์จริง :)

คนเราถ้าชีวิตมันเดิมๆ คบเพื่อนกลุ่มเดิมๆ เรียนอยู่แบบเดิมๆ ชีวิตมันก็จะเดิมๆอยู่กับที่แบบนี้แหละ

บางคนก็เรียนมากี่ปีกี่ปีก็ไม่จบสักที หันไปทางขวา อ้าว!!! เพื่อนคนนี้ก็เหมือนกับเราเลย เรียนกี่ปีกี่ปีก็ยังไม่จบ หันไปทางซ้าย ก็ อ้าว!!! เพื่อนคนนี้ก็เหมือนกับเราเลย เรียนกี่ปีกี่ปีก็ยังไม่จบ สรุปดีใจกันใหญ่เลย เพราะมีเพื่อนที่เป็นแบบเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนี้นะครับ พี่เจแนะนำให้เลือกหาเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่เค๊าชวนกันเรียน ช่วยกันเรียน มันจะได้มีแรงจูงใจ มีแรงบันดาลใจให้เราได้รีบๆเรียน รีบๆจบ ไม่ใช่ เรียน 1 เทอม ก็ drop 1 เทอม แบบนี้ไม่ดี แบบนี้อีกนานกว่าจะเรียนจบ กว่าจะทำอะไรสำเร็จ คนอื่นเค๊าไปถึงเส้นชัยกันหมดแล้ว เรามาพักนั่งยก ขอกินเหล้ากับเพื่อนกลุ่มเดิมๆอยู่ข้างสนาม แบบนี้ เราก็คงไม่ถึงเส้นชัยกับเค๊าสะที

เลือกคบเพื่อน ก็เหมือนเลือกคู่ครองชีวิตแหละ เลือกกันให้ดีๆนะ คู่ครองชีวิตหนะ เปลี่ยนบ่อยไม่ดี แต่เพื่อนหนะ ถ้าไม่ดี เราเปลียนได้นะ ชีวิตเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกเอาแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เพื่อนก็เหมือนกัน... เราเลือกได้

Saturday, December 5, 2009

วันพ่อ

วันนี้วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันสำคํญสำหรับคนไทยทั่วโลก เพราะเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในขณะเดียวกันวันนี้ก็ถือว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติสำหรับคนไทยด้วย

น้องๆหลายคนก็จะถือเอาวันนี้เป็นวันพิเศษเพื่อทำความดี และแสดงออกถึงความรักที่มีต่อคุณพ่อ ทำโน่นทำนี่ให้คุณพ่อมั่ง ซื้อของให้คุณพ่อมั่ง แต่จริงๆแล้ววันพ่อไม่ใช่วันนี้แค่วันเดียว ทุกๆวันของเราคือวันพ่อ ทุกๆวันของเราคือวันแม่ พี่อยากจะแนะนำให้น้องๆทุกคน ให้ทำความดีให้คุณพ่อและคุณแม่ตลอด ไม่ต้องรอให้ถึงวันพ่อ หรือวันแม่ ซึ่งปีหนึ่ง ถึงจะวนมาทีหนึ่ง สู้เราทำความดีกับท่านทุกวันดีกว่า หากเมือ่ใดที่ท่านเหล่านั้นไม่อยู่ เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจภายหลังว่า ยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณคุณพ่อคุณแม่เลย หากใครยังไม่ได้เริ่ม จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามแต่ พี่เจแนะนำให้เริ่มเสียแต่วันนี้ เริ่มสะ เริ่มเสียแต่วันนี้ เพราะถ้าวันหนึ่งที่ท่านไม่อยู่ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เริ่มเลย วันนี้ยังไม่สายเกินไปที่เริ่มทำความดีให้กับคุณพ่อและคุณแม่ หรือใครสักคน เริ่มเสียแต่วันนี้ ยังไม่สายเกินไป

ชีวิตที่เรียบง่าย

วันนี้พี่เจ ก็อยากจะมาเขียนอะไรที่พี่เจ คิดว่าสำคัญและหลายๆคนมองข้าม คือการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย back to basic

รู้มั๊ยว่าวันๆหนึ่ง เราเปิดทีวีดูกันวันละกี่ชั่วโมง หรือเล่นคอมพิวเตอร์เพื่อฆ่าเวลา แต่ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน หรือทำการบ้าน ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำต้องใช้เหมือนกัน อยากแนะนำให้น้องๆลองปิดทีวี และหนีห่างจากคอมพิวเตอร์สักระยะหนึ่ง ลองทำดู 2-3 วัน ก่อนก็ได้ แล้วจะรู้ว่า เออเราเอาเวลาเหล่านั้นมาใช้ทำกิจกรรมอย่างอื่นอีกได้เยอะแยะเลยกับเพื่อนๆ กับคนรอบข้าง กับคนที่เรารัก เป็นความสุขง่ายๆที่สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้ เพียงแค่หันเหเวลาที่เราใช้ไปกับการดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์ ท่อง Internet ไปเรื่อยเปื่อย มันเป็นการใช้ชีวิตที่เลื่อนลอยและไม่คุ้มค่ากับเวลาที่มี

อีกเรื่องหนึ่งคือการขับรถ โดยเฉพาะตัวพี่เจเอง ไปใหนมาใหน ก็ต้องขับรถตลอด เพราะงานเยอะ ทำโน่นทำนี่แข่งกับเวลา แต่ตอนนี้ก็จะเริ่มปล่อยวางในบางส่วนไปแล้วหละ งานบางอย่างที่สามารถให้คนอื่นทำได้ พี่เจก็เริ่มจะวางมือ ให้คนอื่นทำ เอาเวลาเหล่านั้นไปทำงานอย่างอื่นที่สามารถทำได้ที่บ้าน working from home แบบสบายๆ จะซื้ออะไรใน super market แถวนี้ ก็จะเดินไปซื้อเอา เพราะชีวิตไม่ได้เร่งรีบอะไรเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป งานบางอย่างที่ทำ ก็จะเจอลูกค้าเฉพาะคนที่นัดเอาไว้เท่านั้น มีนัดถึงจะขับรถออกไป ถ้าไม่มีนัดก็จะนั่งทำงาน ทำเอกสารอยู่ที่บ้าน ช่วงเปิดเทอมในขณะที่เรียนอยู่ก็จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน

การที่เราไม่ใช้รถนี่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเดินไปโน่นมานี่ เราก็รู้จักเพื่อนบ้านข้างเราเยอะ ถ้ามัวแต่ขับรถก็คงจะไม่รู้จักใคร

เทอมหน้าก็กะว่าจะเลิกขับรถไปมหาลัย เพราะว่าที่นี่ก็มีรถบัสฟรี จากหน้าบ้านไปมหาลัย หรือจากหน้าบ้านเข้าไปในเมือง ให้นั่งรถบัสเข้าเมืองหนะคงไม่ทำ เพราะถ้าเข้าเมืองคือต้องไปทำงาน ยังไงก็คงต้องขับรถเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แต่วันใหนที่มีเรียนเทอมหน้า คงจะนั่งรถบัสไปเรียน เรียนเสร็จก็จะนั่งรถบัสกลับบ้าน คงจะไม่ขับรถไปที่ร้านเหมือนแต่ก่อน คิดว่าเริ่มปล่อยวางเรื่องร้านได้ในบางส่วนแล้ว ก็คงเข้าทำงานที่ร้านเฉพาะช่วงเย็น

ชีวิตคนเรา เราเลือกและออกแบบเองได้นะ จริงๆ ไม่เชื่อก็ลองดู