เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ควรอ่านช้า ๆ
ไม่เร่งรีบ
และควรจะอ่านหลาย ๆ รอบ เพราะเนื้อหาของเขาดีจริง ๆ
เราอ่านรอบแรกก็มีอ่านผ่าน ๆ ไปบ้าง
โชคดีที่ตัดสินใจลองกลับมาอ่านอีกรอบ (เพราะจำไม่ได้ว่า รอบแรกอ่านอะไรไปบ้าง)
บางทีกับการที่เราทำอะไรช้าลงไปบ้าง มันก็อาจจะได้ประโยชน์มากกว่านะ มันได้คิดตามไปด้วยเวลาอ่านหนังสือ
คนเชื้อสายยิวที่ดัง ๆ ก็มี Steve Jobs, Bill Gates และ Mark Zuckerberg
เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่เราอยากจะแนะนำให้ทุก ๆ คนลองอ่านดู
เปิดหน้าแรกมาก็มีเนื้อหาและแง่คิดดี ๆ แล้ว
ข้อคิดหลาย ๆ อย่างจากหนังสือเล่มนี้:
สิ่งที่คนอื่นทำ ยิวไม่คิด
สิ่งที่คนอื่นคิด ยิวไม่ทำ (หน้าแรก)
คนยิวจะคิดไตร่ตรอง คิดเยอะ ๆ ในสิ่งที่เขาจะทำ ไม่คิดเพียงแค่มุมเดียว เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำอย่างมุ่งมั่น ไม่มีคำว่าท้อถอย ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เลิก และพวกเขามักจะมองเรื่องของความเสี่ยงมากกว่าคำว่า "กำไร ขาดทุน หรือเสมอทุน" (คำนำผู้เขียน)
ประตูแห่งความสำเร็จไม่มีอัตโนมัติ
อยากสำเร็จก็ต้องลงมือทำ
เหมือนกับคนที่ต้องใช้มือเปิดประตูด้วยตัวเอง (p.19)
เราต่างไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้
เหตุใดจึงต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ด้วย (p.72)
นักเรียนยิว ที่จบ high school แล้ว ถ้าเป็นรัฐอิสราเอล
ผู้ชายต้องไปเกณฑ์ทหารก่อน 3 ปี
ผู้หญิงก็ต้องไปเกณฑ์ทหารก่อน 2 ปี
เมื่อพ้นจากการเกณฑ์ทหารแล้ว เด็กยิวก็จะยังไม่ต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเลยทันที ส่วนใหญ่จะถูกแนะนำให้ออกไปหาประสบการณ์การทำงานและท่องในเที่ยวโลกภายนอกกันคนละ 1-2 ปี
หลังจากนั้นจึงมาต่อปริญญาตรี
เด็กยิวในรัฐอิสราเอลจึงจบปริญญาตรีช้ากว่าเด็กไทยประมาณ 4-5 ปี
แต่เมื่อเป็นบัญฑิตแล้ว เด็กยิวจะเป็นบัญฑิตที่สมบูรณ์มากกว่าบัญฑิตของชนชาติอื่น เพราะผ่านประสบการณ์ชีวิตมาก่อน (p.74-75)
ความทุกข์คือแก่นแท้ของชีวิต
ผู้ที่ไม่เคยประสบความทุกข์ใด ๆ ย่อมไม่ถือว่าเป็นคนที่แท้จริง
เพราะความทุกข์เป็นส่วนใหญ่ของชีวิต (p.76)
คนยิวที่ทำธุรกิจ ไม่มีแนวคิดแสวงหาลูกค้าแบบจำนวนมากเพื่อมาเป็นฐานที่ตั้ง
แต่คนยิวจะนิยมลูกค้าที่อยู่บนยอดเขา (ลูกค้าเกรดดี) มากกว่าลูกค้าที่เชิงเขา
มุ่งไปสู่ที่สูง เพื่อไหลลงต่ำเองโดยธรรมชาติ
เขาเชื่อว่า การมีแนวคิดการทำการค้าแบบนี้ จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้นาน
เมื่อชนชั้นบนระดับเศรษฐีนิยม เดี๋ยวความนิยมนั้นก็จะไหลบ่าลงมาที่ด้านล่างเอง ธุรกิจของเขานั้น ก็จะอยู่ได้อย่างยาวนาน
เพราะทุกธุรกิจ จะมีกาลเวลาของตัวมันเอง (p.84-85)
ทุกความสำเร็จเป็นเพราะทุกสรรพสิ่ง
ก็เพราะทุกสรรพสิ่งลงตัวกันพอดี
จึงทำให้เกิดความสำเร็จ (p.88)
ปรกติทั่วไปเราย่อมรู้กันดีว่า
เหรียญจะมีเพียง 2 ด้าน
แต่ด้านที่ 3 ของเหรียญคืออะไร
นี่เป็นปรัชญาอย่างหนึ่ง เวลาที่จะต้องทำธุรกิจ
ต้องทำแบบในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น (p.89)
คนทั่วไปทำธุรกิจจะมีมุมมอง 3 มุม
1. กำไร
2. ขาดทุน
3. เสมอตัว
แต่ยิวจะมีมุมมองหนึ่งก็คือ "ความเสี่ยง" (p.90)
อย่าอยู่รวมกันทั้งหมดเป็นกระจุก
ควรแยกกันอยู่
แต่หมั่นติดต่อกันเสมอ
"แยกกันเดิน ร่วมกันตี" (p.94)
ทำในสิ่งที่ดีที่สุด
เพราะมันจะมีราคาแพงที่สุด (p.102)
ของที่ดีที่สุดในโลกย่อมมีราคาแพง
และมีความต้องการสูงกว่าของธรรมดา (p.103)
ของดีที่สุดคนมักต้องการ
ยิ่งเป็นของดี ยิ่งจะมีผู้ต้องการมาก
ทำการค้าไม่เน้นจำนวน แต่เน้นมูลค่าของตัวเลข ที่เป็นรายได้เป็นหลัก
ทำน้อยแต่ได้มาก
ไม่ใช่ทำมากแต่ได้ไม่คุ้มเหนื่อย (p.105)
เมื่อทำ ย่อมเกิดความสำเร็จ (p.119)
ทุกคนมีทุนอยู่แล้ว
แต่เพราะไม่เอามาใช้
จึงบอกว่าไม่มีทุน (p.123)
1. ทุนสมอง
2. ทุนแรงงาน
3. ทุนทรัพย์ (p.125)
สมองซีกซ้าย เอาไว้จดจำ คำนวณ
สมองซีกขวา เป็นสมองทางด้านการสร้างสรรค์ จินตนาการ
ถ้าอยากประสบความสำเร็จ
ก็ลองเปลี่ยนวิธีคิด
คิดใหม่ ทำใหม่
ใช้สมองซีกขวาอีก 10%
เราก็จะประสบความสำเร็จแล้ว (p.130-131)
Steve Jobs:
"ความตาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา มันเป็นการนำความเปลี่ยนแปลง กำจัดของเก่า เพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่" (p.223)
อย่าทิ้งความกระหาย
อย่าคลายความเชื่อ
Stay Hungry. Stay Foolish. (p.249)
280 หน้า
ราคา: 189
เป็นอีกหนังสือหนึ่งเล่มที่เราแนะนำนะครับ
อ่านง่าย
ได้ข้อคิดอะไรหลายอย่าง
No comments:
Post a Comment