Sunday, July 1, 2018

ยาขม


ยาขม

ก็อาจจะมีบ้างที่บางทีมนุษย์เราทำอะไรลงไป เพียงเพราะเราอาจจะคิดอะไรแค่ฝ่ายเดียว เพียงเพราะเราคิดอะไรแค่มุมมองเดียว มุมมองของเรา

โดยเฉพาะการทำงานบนโลกออนไลน์ในสมัยนี้
ก็จะมีบ้างที่บางทีเราคิดว่า “นี่เป็นพื้นที่ของเรา” เราอยากทำอะไรก็ได้ในขอบเขตที่เราคิดว่ากำลังพอดี กำลังพอเหมาะ

แต่สิ่งที่เราคิดว่า “กำลังพอดี กำลังพอเหมาะ” สำหรับเรา
มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ “กำลังพอดี กำลังพอเหมาะ” สำหรับใครบางคนก็ได้

กับการทำงานบนโลกออนไลน์ กับการที่มีผู้คนรู้จักมากขึ้น บางทีมันก็เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ว่าเราจะต้องทำตัวอะไรยังไง แบบไหน

เราจะทำตัวเป็นแบบพวก “ฉันไม่แคร์” มันก็คงไม่ได้

ก็มีบ้างเป็นบางครั้งที่เราได้รับคำแนะนำ ติติง

จริง ๆ แล้วคำแนะนำและคำติติงพวกนี้ มันมีค่ามากกว่าคำชม

เพราะมันจะทำให้เราเติบโตอย่างมีคุณค่า
เพราะเขาคนนั้นที่ส่งคำแนะนำหรือคำติติงมา เขากำลังทำตัวเป็นกระจกส่องเงาให้กับเรา

คำติติงหรือคำแนะนำเหล่านี้
มันจะทำให้เราไม่หลงระเริงกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา
กับสิ่งที่เราคิดว่ามัน เป็น อยู่ คือ

เพราะบางทีเราก็ลืมที่จะส่องดูตัวเองในกระจก

คำติติงเหล่านี้มันก็เปรียบเสมือนยาขม
บางทียามันก็ต้องแรง มันถึงจะรักษาโรคบางอย่างได้
ที่เหลือก็คงต้องแล้วแต่คนไข้แล้วล่ะ ว่าจะสามารถรับยาขมตัวนี้ได้ไหม

โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกขอบคุณคนที่ส่งยาขมมาให้
มันทำให้เรา “ตื่น” ตื่นจาก buble ที่บางทีเราก็หลงสร้างมันขึ้นมา

buble เหล่นี้มันคือภาพลวงตา
buble เหล่านี้มันไม่มีอะไรแน่นอน
buble เหล่านี้มันอาจจะทำให้เราหลงลืมตัวไปบ้างเป็นบางที

การที่เราได้รับยาขมมันทำให้เรา “รู้ตื่น”
การที่เราได้รับยาขมมันทำให้เรารู้สึกถึงความคิดเห็นของคนอื่น ว่าสิ่งที่เราทำ เราพูด เราคิด หรือการที่เราสื่อสารออกไปนั้น คนอื่นเขาคิดยังไง คนอื่นเขาอาจจะคิดหรือรู้สึกที่แตกต่างไปจากเราก็อาจจะเป็นได้

ชีวิตคนเราถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ เราก็ต้องฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย เราอย่าเอาแต่ความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ เราอย่ามัวแต่หลงระเริงกับคำชม เพราะคำชม บางทีมันก็คือดาบสองคมดี ๆ นี่เอง

หยุดสักนิด
หยุดฟังคำแนะนำ
หยุดฟังติติงบ้าง

เพื่อที่เราจะได้เติบโต ไปอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะทั้งในเรื่องของธุรกิจ หน้าที่ การงาน และก็การดำเนินชีวิตทั่ว ๆ ไป

เราต้องขอบคุณ ขอบคุณคนที่ส่งยาขมมาให้

ยาขมเหล่านี้มันเป็นการสร้างภูมิต้านทานของชีวิต
มันจะช่วยเป็นเกราะกำบัง ไม่ให้เราล้มเหลว
มันจะทำให้เราเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย
มันจะเป็นการช่วยส่งเสริมคุณภาพของความเป็นคนของเรา

ทุกครั้งที่มีคนติติงอะไรมา บางทีมันก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องหยุดคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น มันน่าจะมีมูลของความเป็นจริงอยู่หรือเปล่า หากเรามีข้อบกพร่องอะไรจริง ๆ เราก็ต้องนำเอาข้อชี้แนะหรือค ำติติงเหล่านั้น มาปรับปรุงแก้ไข

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องสูญเสียความมั่นใจของเราไป

เพราะสุดท้ายแล้ว ตัวเราเองนี่แหละที่จะต้องคิดว่าสิ่งที่คนอื่นเขาแนะนำเรามา สิ่งที่เขาติติงเรามา มันเป็นความจริงหรือเปล่า เราบกพร่องจริงไหม เราจะควรพัฒนาเพิ่มเติมตรงจุดนี้จริงหรือเปล่า

ถ้าหากใช่ เราก็ควรที่จะนำไปพิจารณา
แต่ถ้าหากเราคิดว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร เราก็ปล่อยมันทิ้งไป อย่าเก็บเอามาใส่ใจ ทำให้ตัวเองหงุดหงิด เสียเวลาเปล่า ๆ

เพราะยังไงเสีย เราก็ต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองของเราเอาไว้ด้วย อย่าให้เราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองของเราไป อย่าให้เราสูญเสียความมั่นใจของเราไปได้

“ยาขม” ทานได้แต่อย่าให้บ่อยนัก
ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี
ไม่มากเกินไป
ไม่น้อยเกินไป

แล้วชีวิตของเราก็จะมีความสุข
เจริญเติบโตในธุรกิจ หน้าที่ และการงานอย่างมั่นคง

วันนี้พวกคุณ ๆ เธอ ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลาย

ตื่นจาก “bubble” ของคุณ ๆ เธอ ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายแล้วหรือยังเอ่ย...

...เพราะฉะนั้น... มันถึงเป็นเช่นฉะนี้...

No comments:

Post a Comment